เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพตราไก่ ทีมชาติ ฝรั่งเศส เปิดสนาม กรูปาม่า สเตเดี้ยม, ลียง ประเทศฝรั่งเศส ต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติ ฟินแลนด์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม ดี เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 7 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย ปอล ป็อกบา กองกลางห้องเครื่องจอมลีลา อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าตัวทำเกม และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวจบสกอร์ของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ฟินแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์คคู คาเนอร์ว่า มาเล่นในระบบ 5-3-2 นำทีมโดย เกล็น กามาร่า กองกลางห้องเครื่อง เยเร่ อูโรเน่น ตัวจี๊ดริมเส้น และ ตีมู ปุ๊คกี้ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
นาที 6
เปิดฉากครึ่งแรกมา เป็นเจ้าถิ่น ทัพตราไก่ ฝรั่งเศส ที่โหมบุกเข้าใส่ทันที จังหวะนี้ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย อองตวน กรีซมันน์ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่กลางประตู แล้วเป็น เคิร์ต ซูม่า ได้เทคตัวขึ้นโหม่งคนเดียว แต่โดนบอลไม่ดี หลุดกรอบไปอีกฝั่ง ปอล ป็อกบา สปีดไปตามเก็บได้ ต้องตั้งเกมกันใหม่
นาที 11
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ เปรสเนล คิมเพมเบ้ ดันสูงขึ้นมาเกือบกลางสนาม ก่อนจะจ่ายขนาดเส้นขึ้นหน้ามาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายให้ เตโอ แอร์กน็องเดซ ได้ลองสับไกด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อย โค้งหลุดกรอบเสาไกลขวามือ ลอยออกหลังไปแบบได้ลุ้น
นาที 18
ทีมเยือน ฟินแลนด์ มีโอกาสได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ โยเอล โปห์ยานปาโล่ ลองซัดไกลนอกกรอบ บอลพุ่งแรงไปแฉลบบล็อกของ อาเดรียง ราบิโอต์ เปลี่ยนทางลอยโด่ง ทำท่าจะย้อยเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่เป็น อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวากระโดดปัดพ้นข้ามคานออกไปได้ทันหวุดหวิด ยอมเสียเป็นลูกเตะมุม
นาที 19
จังหวะต่อเนื่อง ทีมเยือน ฟินแลนด์ ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เล่นสั้นส่งมาให้ ราสมุส ชูลเลอร์ ได้ลากไปเปิดที่สุดเส้นหลัง บอลลอยโด่งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น เลโอ ไวซาเน่น วิ่งสอดมาโขกเหน่ง ๆ แต่กดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 23
เจ้าถิ่น ทัพตราไก่ เกือบได้ประตูขึ้นนำหลัง เป็นจังหวะ คาริม เบนเซม่า ทำชิ่ง 1-2 กับ อองตวน กรีซมันน์ ประสานงานกันที่หน้าเขตโทษอย่างสวย เจ้าตัวได้บอลหลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเน้น ๆ ที่กลางประตู บอลพุ่งแรง แต่ยังไม่มุมพอ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดออกมาได้ทัน
นาที 25 GOAL!!!
หลังจากบดอยู่นาน เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส มาได้ประตูขึ้นนำจนได้เป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะการเล่นประสานงานกันของคู่เดิม เริ่มที่ คาริม เบนเซม่า รับบอลมาที่หน้าเขตโทษ เจ้าตัวดีดบอลเร็วจังหวะเดียวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้แตะหลบกองหลังตัดเข้าในหนึ่งที ก่อนจะยิงดีดไซด์ก้อยด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งผ่านมือ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 31
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ อาเดรียง ราบิโอต์ บรรจงตักบอลจากทางฝั่งซ้าย ลอยโด่งลึกไปที่เสาสองให้ คาริม เบนเซม่า พยายามขึ้นโขกแต่ไม่ถึง บอลเลยไปเข้าทาง เลโอ ดูบัวส์ ได้ซัดมุมแคบเน้น ๆ ที่เกือบสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งไปติดขาของ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่เขยิบมาคุมเสาได้ไว ทิ้งตัวเซฟออกหลังไปได้ทัน
นาที 38
ทัพตราไก่ ยังคงโหมบุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้เริ่มที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล หน้ากรอบเขตโทษ ฝากต่อให้ อองตวน กรีซมันน์ เบิ้ลบอลจ่ายจังหวะเดียวให้ คาริม เบนเซม่า ได้วิ่งมาซัดเร็วด้วยซ้ายไปติดบล็อคแนวรับฟินแลนด์นิดเดียว
นาที 40
ช่วงท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ลุ้นอีกครั้งส่งท้าย เป็นจังหวะ ปอล ป็อกบา ได้บอลที่หน้ากรอบเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวตั้งป้อมวางเท้าซัดไกลด้วยขวานอกกรอบ แต่จังหวะยิงดันลื่นเสียหลักไปหน่อยนึง บอลพุ่งเฉียดเสาแรกขวามือ หลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างได้ลุ้น
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่ได้ครองบอลบุกใส่ทีมเยือน หินแกรนิต อยู่ฝั่งเดียวตามสไตล์ ขาดแค่เพียงจังหวะจบในพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น ที่ยังไม่เฉียบคมเท่าไหร่ ออกนำอยู่แค่ลูกเดียว สกอร์ตอนนี้ ฝรั่งเศส 1 ฟินแลนด์ 0 !!!
นาที 49
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่โหมบุกหนักทันที จังหวะนี้ ได้เตะมุมทางฝั่งขวา อองตวน กรีซมันน์ เปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น เลโอ ไวซาเน่น แนวรับทีมเยือน โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง เลโอ ดูบัวส์ ได้ลองบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงโค้งสวย ถากเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไป
นาที 52
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ลุ้นอีกครั้งจาก อาเดรียง ราบิโอต์ เจ้าตัวได้บอลที่หน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ บอลพุ่งแรงเป็นจรวดแล้วฮุคลงแต่ไม่หนีมือเท่าไหร่ แล้วเป็น ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาล้มตัว พุ่งไปปัดทิ้งออกมาได้ทัน
นาที 53 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ทัพตราไก่ ฝรั่งเศส มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ คาริม เบนเซม่า พลิกหลบตรงสนามขึ้นมาได้สวย เจ้าตัวป้ายออกขวาให้ เลโอ ดูบัวส์ ได้จ่ายเลียดเข้าไปในเขตโทษให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้แตะบอลหลุดไปถึงหน้าเสาแรกขวามือ ก่อนจะซัดด้วยขวาเน้น ๆ ยัดมุมแคบสวนตัว ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก โดยประตูนี้ ส่งผลให้เจ้าตัว เขยิบสถิติการยิงประตูให้ทีมชาติฝรั่งเศส ขึ้นมาเทียบชั้นกับนักเตะในตำนานอย่าง มิเชล พลาตินี่ ที่ 41 ประตูด้วยกัน
นาที 60
เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือนเหมือนเดิม จังหวะนี้ อองตวน กรีซมันน์ เล่นสูตรเดิม ทำชิ่ง 1-2 กับ คาริม เบนเซม่า เจ้าเก่า ได้หลุดเข้าไปซัดเร็วในกรอบเขตโทษ ส่งบอลเหินเฉียดคาน ลอยหลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
นาที 71
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้บุกมาใหม่ แต่ยังคงเล่นสูตรเดิม จังหวะนี้ บอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ คาริม เบนเซม่า เกี่ยวบอลลงแล้วจ่ายต่อไปที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้วิ่งสอดมาฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ หลุดกรอบออกไปอีกครั้งหนึ่ง
นาที 81
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส บุกขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ วิสซัม เบน เยดแดร์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา แทงบอลไปแฉลบบล็อกของแนวรับทีมเยือน บอลกระเด้งไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาเข้าทาง นอร์ดี้ มูคิเอเล่ ตัวสำรองอีกคน ที่วิ่งสอดเติมสูงขึ้นมา ได้ซัดด้วยขวาจังหวะเดียว เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 86
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ ปอล ป็อกบา แทงบอลทะลุช่องให้ คาริม เบนเซม่า ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะล็อคหาช่องมาได้จบด้วยขวาเน้น ๆ พุ่งไปติดเซฟของ ลูคัส ฮราเด็คกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ขวางบอลเอาไว้ได้ทัน
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน ฟินแลนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! รั้งที่ 1 ของตารางคะแนนอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบคาซัคสถาน ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 นู่นเลย ส่วนทางด้านฟินแลนด์ ร่วงลงมาอยู่ที่ 3 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านเจอกับยูเครน ในวันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม ก่อนหน้าหนึ่งเดือน