ชั่วโมงนี้ อิตาลี “ใส่เดี่ยว” กับใครก็ได้

ขออนุญาตเผยตัวนับตั้งแต่เปิดสนามชนะ ตุรกี 3-0 เป็นต้นมา ผมว่า ยูโร 2020 หนนี้ต้องเอาใจช่วย อิตาลี ไปให้ถึงแชมป์ให้ได้

การที่ทีมๆนึงเปลี่ยนระบบและสไตล์การเล่นจากรากเหง้าของตัวเองทั้งกระบิหรือ all new มันไม่ใช่เรื่องที่นึกอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ง่ายๆ

การลงทุนลงแรง “เพรส” อย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่วันแรกจนล่าสุดชนะ เบลเยียม 2-1 ตบเท้าเข้ารอบรองชนะเลิศ ถ้าไม่แชมป์ก็ไม่รู้ว่าต้องรอจุดพีคอีกเมื่อไหร่

เกมนี้ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” มาค่อนข้างผิดฟอร์มและหากไม่นับช่วงที่ “เปิดหน้าแลก” ทวงประตูเป็นพักๆในช่วง 30 นาทีสุดท้าย อิตาลี เอาอยู่แทบจะทุกจังหวะ

คนที่เด่นที่สุดของ เบลเยี่ยม วันนี้ไม่ใช่ เควิน เดอ บรอยน์ หรือ โรเมลู ลูกากู 2 เดอะ แบก แต่เป็น เจเรมี่ โดกู ที่วูบวาบช่วงต้นเกมแล้วก็หายยาวๆ ก่อนมาโผล่อีกทีตอนเรียกจุดโทษท้ายครึ่งแรก

ผมเห็นแฟนบอลเถียงกันกับจังหวะนี้ มันจุดโทษอยู่แล้วครับ เราจะเห็นได้ว่าปีกวัย 19 ของ แรนส์ กำลังจะวิ่งแซง โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ที่รู้ว่าไม่ทันเลยใช้ท่อนแขนดันให้เสียหลัก

ถ้าวิ่งตีคู่เบียดๆกันมา ดูแล้วไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบพอจะเอ่ยเบาๆได้ว่า “ไหล่ชนไหล่”

แต่ในแง่ของเกมกีฬา โดกู เหลี่ยมดีกว่า เร็วกว่า กำลังหลุดไปยิงหรือจ่ายสวยๆ คุณหยุดเขาด้วยความสามารถไม่ได้นะครับลูกนี้ ต้องใช้ท่อนแขนดันจนกลิ้งขนาดนี้

บังเอิญ “อัซซูรี่” ชนะ เหตุการณ์นี้เลยไม่สำคัญอะไรมาก แต่ เบลเยียม เห็นช่องโจมตีเลยใช้บริการของ โดกู ในครึ่งหลังบ่อยจนฝั่งขวาของ อิตาลี ต้องลงมาช่วยซ้อนกัน 2-3 ตัว

อย่างที่เขาบอกถ้าคุณหยุด ลูกากู ได้ เบลเยียมลดประสิทธิภาพไปเกือบครึ่งและหากคุณจำกัดลูกมหัศจรรย์ของ เดอ บรอยน์ เมื่อนั้นคุณคือผู้ชนะ

ผมต้องขอชื่นชมและปรบมือให้กับ คิเอลลินี่ และ โบนุชชี่ 2 เซนเตอร์อายุรวมกัน 70 ปี โดยเฉพาะแข้ง ยูเวนตุส ที่รับหน้าที่ “ใส่เดี่ยว” กับ ลูกากู ตลอดทั้งเกม

การขึ้นเกมของ เบลเยียม เอื้อประโยชน์ให้ คิเอลลินี่ ในการหยุด ลูกากู เอามากๆครับ คือแดนบนเจอหน้า อิตาลี เพรสบ่อยๆก็ไม่อยากเสี่ยงเลยใช้วิธีวางยาวซึ่งกองหลังวัย 35 ปี ยื้อยุดฉุดกระชากและโหม่งดีกว่ากองหน้า อินเตอร์ มิลาน อย่างเห็นได้ชัด

ต่อให้แพ้การแย่งบอลแต่การยื้อหรือพิงกันก็ “ดีเลย์” มากพอที่เพื่อนร่วมทีมจะร่นมา cover หากเกิดจังหวะไหลขึ้นมา

เบลเยียม ฝากบอลในรูปแบบเดิมๆแต่จะหวังผลที่ไม่ซ้ำ มันออกจะยากซักหน่อย

ตรงกันข้ามกับ อิตาลี ในครึ่งหลังลูกทีม โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เปลี่ยนจากคุมโซน (ในครึ่งแรก) มาเพรสบ้าง (เพราะสกอร์ตาม) แต่ด้วยความที่หน้า,กลางและหลัง ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆในการเล่นลักษณะนี้

ทำให้หลายครั้ง อิตาลี แทงบอลจากหลังมาฝากตรงกลางง่ายดายโดยที่ตัวประกบตามหลังหนึ่งก้าวเสมอ นี่ยังดีครับที่ อิมโมบิเล่ วันนี้เล่นไม่เอาเลย หวงบอล, บอลลั่น หาไม่แล้วผมว่าน่าจะมีมากกว่า 1 ด้วยซ้ำ

นอกจากเก่งแล้วผมว่า อิตาลี เองก็ทำบุญมาไม่น้อยเพราะ 2 จังหวะของ ลูกากู มันเห็นๆว่าต้องโดนแน่ๆแต่รอดตายแบบ “อีหยังวะ”

เรื่องเดียวที่ทำให้การเข้ารอบรองฯ ของเด็กๆ “มันโช่” กร่อยเล็กน้อย คือการบาดเจ็บของ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า วิงแบ็คที่เจ็บจนถูกหามออกทั้งน้ำตา (ข่าวล่าสุดเอ็นร้อยหวายพัง) รูดม่านแน่นอนแล้ว เสียดายฝั่งซ้ายลดความน่ากลัวลงไปเยอะจริงๆ

ในขณะที่คู่ 23.00 น. หากใครเป็นแฟน สเปน อาจจะรู้สึกเหมือนลางไม่ค่อยดี หลังถูก สวิตเซอร์แลนด์ ที่เหลือ 10 ตัว รวมต่อเวลาด้วยก็เกิน 30 นาทีลากสังขารไปดวลจุดโทษ

ให้อารมณ์เหมือนคุณต่อยกับ “บัวขาว” หน้าเยินตาปูดแต่ดันใจสู้ยืนอยู่จนครบยกแล้วต้องมาตัดสินด้วยการเป่ายิ้งฉุบอะไรประมาณนั้น

ยิ่ง เซร์คิโอ บุสเกตส์ เปิดหัวยิงพลาดมันชัดเลยแต่จะอะไรก็ตามแต่ “สวิส” ทำของเสียด้วยการยิงพลาด 3 คนรวดทำให้การเซฟถึง 2 หนของ ยานน์ ซอมเมอร์ กลายเป็นไม่เกิดประโยชน์

หรือจะพูดด้วยว่าตลอด 120 นาที ซอมเมอร์ส ช่วยชีวิตมาตลอดจนคว้า แมน ออฟ เดอะ แมทช์ ต้องสูญเปล่า

อันนี้ต้องยอมรับว่า 3 ผู้เล่นที่ยิงดูไม่ค่อยช่ำชอง บางคนไม่ได้หลอกหน้าเท้าแถมไปมองจ้องมุมที่จะยิงจนออกนอกหน้าทำให้ อูไน ซิม่อน ดักกินสบาย

สวิตเซอร์แลนด์ ชวดสร้างประวัตศาตร์เข้ารอบรองชนะเลิศเป็นหนแรกแต่ผมเชื่อว่าคำพูดจากแฟนบอลและคนที่ชอบบอลรองอยากบอกเป็นสไตล์หนังฮ่องกงสมัยก่อน

“หัวใจเธอมันน่ากราบ”

สิ่งนึงที่ทำให้นักเตะ “นาฬิกา” เอาชนะใจคนดูทั่วโลกคือไม่มีครั้งไหนที่อยู่ในสนามแล้ว “หงอ” คู่ต่อสู้เลย

ดังนั้นการเสียประตูไวตั้งแต่นาทีที่ 8 ไม่ได้ลดทอนความเป็นนักสู้เลยแม้แต่น้อย เจอกับฝรั่งเศสตาม 2 ประตูมีเวลาแค่ 10 นาที ไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่าเวลาเกือบเต็มเกมมากแค่ไหนสำหรับพวกเขา

สำหรับ สเปน ปัญหาเก่ากลับมาอีกแล้วกับการสร้างสรรค์โอกาสในเกมเหนือคู่แข่ง (27 ครั้ง) แต่เป็นประตูลูกเดียว (แถมแฉลบ)

ถ้าไม่เรียกไฟล์ .exe 2 นัดหลังสุดยิง 10 ลูกกลับมาในนัดตัดเชือก คิดว่าคงรอดยากเพราะแนวรับ อิตาลี เจองานหนักกว่านี้ยังเก็บกินนิ่มมาแล้ว

มาถึงตรงนี้แล้วไม่ว่าสายล่างใครจะหลุดเข้ามา อิตาลี ครบเครื่องและมีจุดอ่อนน้อยกว่าทุกๆทีม

เอาแบบไม่ต้องมาถ่อมตัวให้เสียเวลา ก็คือพร้อม “ใส่เดี่ยว” ได้หมด ต่อให้รอบชิงจะเจอเจ้าถิ่น อังกฤษ ของ เซอร์เซาธ์เกท ก็ตาม…