เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมตราไก่ ฝรั่งเศส เปิดสนาม อัลลิอันซ์ ริเวร่า, นีซ ประเทศฝรั่งเศส ต้อนรับการมาเยือนของทีมมังกรแดง เวลส์ ในศึกฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
เกมนี้ เจ้าถิ่น ทีมชาติ ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ มาเล่นในระบบ 4-1-2-1-2 นำทีมโดย พอล ป็อกบา ห้องเครื่องจอมลีลาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าจอมพลิ้วจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ คาริม เบนเซม่า ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์จากเรอัล มาดริด ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ทีมชาติ เวลส์ ภายใต้การคุมทีมของ โรเบิร์ต เพจ มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย โจ อัลเลน กองกลางห้องเครื่องจากสโต๊ค ซิตี้ แดเนี่ยล เจมส์ ปีกความเร็วสูงจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แกเร็ธ เบล ศูนย์หน้าตัวความหวังจากเรอัล มาดริด
นาที 3
เริ่มเกมมาได้แปปเดียว เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่ได้ทักทายก่อน และเกือบจะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ พอล ป็อกบา ครองบอลอยู่บริเวณกึ่งกลางสนามเยื้อง ๆ ไปทางขวา ก่อนจะเงยหน้ามอง แล้วบรรจงตักบอลโด่งไปยังพื้นที่ว่างหน้าปากประตูให้ คาริม เบนเซม่า ได้วิ่งโฉบหนีตัวประกบ มาโขกสะบัดกดลงพื้นเน้น ๆ แต่บอลไม่ห่างตัวเท่าไหร่ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาล้มตัวปัดออกมาได้ทันหวุดหวิด
นาที 4
ทีมเยือน เวลส์ บุกขึ้นมาทักทาย และได้ลุ้นประตูเหมือนกัน เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็ว เนโก วิลเลี่ยมส์ สาดบอลเร็วทิ้งขึ้นหน้ามาให้ แดเนี่ยล เจมส์ ได้สปีดมาถึงบอล แล้วกระชากหนีตัวประกบหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะซัดด้วยซ้าย ยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที ทว่า อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนปิดมุมอยู่ ล้มตัวเซฟไว้ได้ทัน
นาที 14
ทีมเยือน ได้เตะมุมทางฝั่งขวา ก่อนจะเล่นสั้นส่งมาที่มุมกรอบเขตโทษให้ แฮร์รี่ วิลสัน ได้กระชากตัดเข้าในมาถึงหัวกระโหลก แล้วหวดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งแรง แต่เหินข้ามคานออกไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 17
ทีมเยือน เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ แดเนี่ยล เจมส์ พาบอลขึ้นมา แล้วส่งต่อให้ โจ มอร์เรลล์ ได้วางบอลยาวจากกราบซ้ายเข้าเขตโทษลึกไปที่เสาไกลขวามือให้ แฮร์รี่ วิลสัน ได้โหม่งชงกลับเข้ามาที่กลางประตูให้ คริส เมแฟม เทคตัวโขกสะบัดจ่อ ๆ แต่ อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังยืนตำแหน่งได้ดี ปัดข้ามคานออกหลังไว้ได้ทันเฉียดฉิว ก่อนที่ไลน์แมนจะยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้า ถ้าเข้าก็ไม่ได้อยู่ดี
นาที 22 ใบแดง!!!
ทีมเยือน เวลส์ ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คน เป็นจังหวะเสียฟรีคิก บอลเปิดเข้าเขตโทษ แล้วเป็น พอล ป็อกบา ได้โหม่งติดเซฟของ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดบอลออกมาเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ได้ซ้ำไปติดแขนของ เนโก วิลเลี่ยมส์ ที่ยื่นออกมาขวางเต็ม ๆ ผู้ตัดสินเช็ค VAR อยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนจะกลับลงมาชี้ให้เป็นลูกจุดโทษ และควักใบแดงไล่ เนโก วิลเลี่ยมส์ ออกจากสนามไป
นาที 26 จุดโทษ!!!
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะต่อเนื่องจากลูกแฮนด์บอลของ เรโก วิลเลี่ยมส์ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นจุดโทษ คาริม เบนเซม่า รับหน้าที่สังหาร วิ่งมากดเลียดด้วยขวา ไปที่เสาซ้ายมือ แต่ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เดาทางถูก พุ่งไปปัดออกมาได้อย่างสุดยอด อดได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับเจ้าถิ่น
นาที 33 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ประตูออกนำจนได้ 1-0 !!! เป็นจังหวะ อาเดรียง ราบิโอต์ ได้ซัดเลียดด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ พุ่งแรงไปแฉลบโดน อ็องตวน กรีซมันน์ เปลี่ยนทางนิดนึง ทำให้ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ถึงกับหลงทาง แต่ยังเอาขาเซฟไว้ได้ทัน บอลกระเด้งลอยมาเข้าทาง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้วิ่งมากระโดดจิ้มบอลด้วยขวาจ่อ ๆ สวนตัวแสกหน้า แดนนี่ วอร์ด เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 40
เจ้าถิ่น บุกขึ้นมาตรงกลาง คาริม เบนเซม่า ถอยต่ำลงมาล้วงบอล ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้ลากบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แล้วตะบันด้วยขวาเต็มข้อยัดไปที่เสาแรกทันที แต่สุดท้ายบอลก็เหินเฉียดคานออกไปอย่างน่าผิดหวังสุด ๆ
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ที่ครองบอลได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เปิดเกมรุกค่อย ๆ นวดทีมเยือน เวลส์ อย่างต่อเนื่องแทบจะฝั่งเดียว จนมาได้ออกนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!!
นาที 47 GOAL!!!
เปิดฉากครึ่งหลังมาแค่แปปเดียว เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ ต่อบอลกันขึ้นมาที่หน้ากรอบเขตโทษของทีมเยือน แล้วเป็น คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ไขว้บอลส่งมาที่หน้ากรอบเขตโทษด้านขวาให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้จับบอลแล้วพลิกมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งโค้งสวย หนีมือ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบสามเหลี่ยมเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 55
เจ้าถิ่น ขึงเกมรุกอยู่ที่กรอบเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ พอล ป็อกบา ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะตั้งป้อมวางเท้าส่องไกลด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น แต่ไปตรงตัวของ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเข้าซองไว้ได้สบาย
นาที 64
ทีมเยือน เวลส์ เกือบได้ประตูตีตื้น เป็นจังหวะ อารอน แรมซี่ย์ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา เลี้ยงจี้ขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องตัดหลังแนวรับให้ แดเนี่ยล เจมส์ ได้วิ่งสอดแหวกไลน์แนวรับทีมเยือน หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แล้วซัดขวาเน้น ๆ ไปที่เสาไกลซ้ายมือ แต่ทว่า อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาไปปัดไว้ได้ อย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 69
เจ้าถิ่น ได้ลุ้นอีกครั้ง จังหวะนี้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ พาบอลลุยเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วไหลย้อนคืนมาที่หน้ากรอบเขตโทษให้ คาริม เบนเซม่า ได้แต่งเข้าเหลี่ยม แล้วกดเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น เฉียดเสาไกลซ้ายมือ ออกไปอย่างน่าเสียดาย แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยืนขาตายแล้วด้วย
นาที 76
ทีมเยือน ได้ฟรีคิกระยะอันตราย ในหัวกระโหลกพอดี เดวิด บรูคส์ รับหน้าที่ วิ่งซอยเท้ามาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ แต่บอลก็ยังไปติดกำแพงอย่างน่าเสียดาย
นาที 78 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ฝรั่งเศส ได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะ ฌูลส์ กุงเด้ หยอดบอลโด่งเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ คาริม เบนเซม่า ได้พักอกเอาบอลลง แล้วซัดด้วยขวาหักข้อพุ่งเลียดไปชนเสาไกลซ้ายมืออย่างจัง บอลกระเด้งออกมาที่หน้าเสาขวามือเข้าทาง อุสมาน เดมเบเล่ ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา ได้ซ้ำโล่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 83
เจ้าถิ่น ยังไม่ผ่อนเกม และเกือบได้ประตูเพิ่ม จังหวะนี้ ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย อองตวน กรีซมันน์เปิดบอลโด่งโค้งเข้าไปในกรอบเขตโทษให้ เพรสแนล คิมเพมเบ้ ได้เทคตัวโหม่งเน้น ๆ แต่บอลขาดน้ำหนักและไม่ห่างมือเท่าไหร่ แดนนี่ วอร์ด ผู้รักษาประตูทีมเยือน เซฟไว้ได้ทัน
นาที 85
เจ้าถิ่น บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ ลูก้า ดีญ ตัวสำรอง เติมสูงขึ้นมารับบอลที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมวางเท้าซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งไปแฉลบบล็อคเปลี่ยนทาง เฉี่ยวเสาใกล้ ออกไปนิดเดียว
นาที 87
เจ้าถิ่น สวนกลับขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนแต่งหาช่อง แล้ววางเท้าปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ พุ่งแรงโค้งสวย แต่ก็ยังข้ามคานไปนิดเดียว
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ฝรั่งเศส เปิดบ้านถล่มทีมเยือน เวลส์ ไปได้สบาย ๆ 3-0 !!! โดยทีมตราไก่ ยังมีคิวเตะอุ่นเครื่องอีกนัดก่อนฟุตบอลยูโร ซึ่งจะพบกับทีมชาติ บัลแกเลีย ในสุดสัปดาห์นี้ ส่วนทางด้านทีมชาติ เวลส์ ก็จะพบกับทีมชาติ อัลแบเนีย