แอนดรอส ทาวน์เซ่น ปีกสังกัด คริสตัล พาเลซ กล่าวว่าการร่วมกันแบนโซเชี่ยลมีเดียของวงการฟุตบอลในสัปดาห์นี้ เป็นการส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะไม่ยอมถูกกระทำอีกแล้ว พร้อมชี้ว่าผู้คนจะมองเห็นความหมายของการคุกเข่าก่อนเกมเมื่อถึงเวลา
องค์กรสำคัญในวงการฟุตบอลอังกฤษนัดกันงดใช้โซเชี่ยลมีเดีย ในช่วงแมตช์เดย์สุดสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้บริษัทออกมาตรการจัดการกับการเหยียดผิว
แคมเปญดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในเวลา 15.00 น. ของที่ 30 เมษายน ถึงเวลา 23.59 น. 3 พฤษภาคม
แข้งวัย 29 ชี้ว่า นี่คือการตอบโต้ของวงการฟุตบอล ว่าพวกเขาจะไม่ยอมตกเป็นเป้าอีกต่อไปแล้ว และหวังว่าเสียงของพวกเขาจะส่งไปถึงบริษัทโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ
“พวกเราจะเริ่มตอบโต้” เขากล่าวกับ BBC Sport
“ผมภูมิใจกับเหล่านักเตะ ที่สุดท้ายเราก็ร่วมมือกันและออกมาพูดเรื่องนี้กันทั้งวงการ”
“หวังว่ามันจะทำให้บริษัทสื่อใหญ่ๆรู้ ว่าเราจะไม่ยอมถูกรังแกอีกต่อไป”
“ผมคิดว่าการแบน 3-4 วันจะสร้างความแตกต่างไหมน่ะหรือ? ก็อาจจะไม่ แต่มันก็เป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงบริษัทเหล่านั้น ว่าถ้าคุณไม่เริ่มมาตรการอะไรสักอย่างบนแพลตฟอร์มของตัวเอง มันก็จะนำไปสู่การแบนแบบถาวร”
อย่างไรก็ดี วิลเฟรด ซาฮา, เพื่อนร่วมทีมของ ทาวน์เซ่น, เคยออกมากล่าวว่าการคุกเข่าก่อนเกมกลายเป็นแค่พิธีการไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปีก่อน, ในช่วงเวลาสั้นๆที่เปิดให้แฟนบอลเข้าชมได้, แฟนบอล มิลวอล ได้โห่ใส่นักเตะที่กำลังคุกเข่าก่อนเกมกับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้
กระนั้น ทาวน์เซ่น ก็มองว่าผู้คนจะเห็นถึงความสำคัญของการคุกเข่าอย่างแน่นอน เมื่อเวลามาถึง
“ผู้คนเริ่มจะมองไม่เห็นความสำคัญของการคุกเข่า มองว่ามันก็เป็นแค่สัญลักษณ์ที่ไม่ได้จริงจังอะไร, ไม่ได้มีความหมายใดๆ และก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เขากล่าว
“แต่ถ้าแฟนบอลกลับมาเข้าชมในซีซั่นหน้าและเราได้ยินเสียงโห่ มันก็จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการคุกเข่า, การใส่ปลอกแขน และการรณรงค์ครั้งนี้ ผมหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่ามันอาจเกิดขึ้นได้ก็ตาม”