เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมฝอยทอง ทีมชาติ โปรตุเกส เปิดสนาม เอสตาดิโอ โจเซ่ อัลวาลาเด้, ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติ อิสราเอล ในฟุตบอลกระชับมิตรทีมชาติ
เกมนี้ เจ้าถิ่น ทีมชาติ โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แฟร์นันโด้ ซานโต๊ส มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย รูเบน ดิอาส กองหลังตัวเก่งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ บรูโน่ แฟน์นานเดส เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกมจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้าเทพประทานจากยูเวนตุส
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ทีมชาติ อิสราเอล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ วิลลิบัลด์ รุทเท่นสไตเนอร์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย บิบราส นัตโก้ กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม เอราน ซาฮาวี่ กองหน้ากึ่งปีกปีกตัวจี๊ด และ มานอร์ โซโลมอน ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
นาที 1
ออกสตาร์ทเกมมาได้แค่แปปเดียว เจ้าถิ่น โปรตุเก เกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว เป็นจังหวะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พาบอลขึ้นมาเองทางฝั่งซ้าย ก่อนจะเลี้ยงจี้เข้าหากองหลังทีมเยือน ทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วตัดสินใจกระชากตัดเข้าใน มาซัดเร็วด้วยขวาทันที แต่บอลเบาและไปตรงตัวของ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนปิดมุมไว้อยู่แล้ว รับไว้ได้ทัน
นาที 2
เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะบุกขึ้นมาตรงกลาง นูโน่ เมนเดส ได้บอลบริเวณกลางสนาม ก่อนเปิดบอลยาวคิลเลอร์พาสข้ามแนวรับไปให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้วิ่งฉีกแนวรับอิสราเอล มาจับบอลลงได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แต่ทว่า เจ้าตัวแปบอลด้วยขวา เฉียดเสาแรกซ้ายมือออกไปเองอย่างน่าเสียดาย
นาที 10
เจ้าถิ่น โปรตุเกส ตัดบอลได้แล้วโต้กลับขึ้นมาทางขวา แบร์นาร์โด้ ซิลวา พาบอลขึ้นมาเอง เลี้ยงจี้มาจนถึงกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะปาดเลียดเข้ากลางมาถึง ดีโอโก้ โชต้า ได้จับบอลแล้วซัดด้วยซ้าย หลุดกรอบเหินข้ามคานออกไปแบบได้ลุ้นทีเดียว
นาที 15
เจ้าถิ่น ยังบุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ชูเอา กานเซโล่ เติมเกมรุก ดันสูงหลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดบอลเข้าเขตโทษให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้โฉบตัดหน้าแนวรับทีมเยือน มาโหม่งสะบัดเต็ม ๆ ข่อ ๆ แต่ก็ยังกดไม่ลง บอลลอยโด่งเหินข้ามคานออกหลังไป อย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 16
เจ้าถิ่น ลุยต่อต่อเนื่อง และเกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ชูเอา กานเซโล่ หุบเข้าในมาโยนบอลยาวจากกลางสนาม ข้ามแนวรับทีมเยือนไปให้กับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้วิ่งสอดขึ้นไปถึงหน้าเสาขวามือได้สวย ก่อนจะยิงเร็วตามน้ำด้วยขวาทันที บอลพุ่งกระเด้งพื้นลอยไปที่เสาไกลซ้ายมือ กำลังจะเสียบเสาอยู่แล้ว แต่ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งไปปัดปลายมือไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 28
เจ้าถิ่น ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ ดีโอโก้ โชต้า เลี้ยงผ่านตัวประกบ หลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะครอสไปที่กลางประตูให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ขึ้นโหม่ง แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ ลอยโด่ง หลุดออกหลังไปอีก
นาที 36
เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ แทงบอลกันขึ้นมาได้สวย บรูโน่ แฟร์นานเดส หลุดขึ้นมาทางกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะเลี้ยงจี้หาตัวประกบ แล้วโยกเข้าขวามาตักบอลเร็วไปที่เสาไกลขวามือให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ตั้งป้อมรออยู่ ได้เอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ ไม่จับ บอลพุ่งแรงกระดอนลงพื้น แต่ดันไปตรงตัวของ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทิ้งตัวเอาขาเซฟ ไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 41 GOAL!!!
หลังจากบดอยู่นาน ท้ายครึ่งแรก เจ้าถิ่น โปรตุเกส ก็มาได้ประตูขึ้นนำที่รอคอยเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะการต่อบอลประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม เริ่มที่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา แทงบอลให้ ชูเอา กานเซโล่ ได้หลุดขึ้นมาทางสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนที่เจ้าตัวจะตบเลียดเข้ากลางมาบริเวณจุดโทษตั้งให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส วิ่งมาแปด้วยขวาเน้น ๆ สวนตัวผ่านมือ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 43 GOAL!!!
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เจ้าถิ่น โปรตุเกส มาได้ประตูหนีห่างอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ แทงบอลขึ้นหน้ามาให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้เลี้ยงจี้มาถึงหัวกระโหลก แล้วป้ายบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่กางมุ้งรออยู่ ได้กระชากจี้เข้าไปใกล้ประตู แล้วซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ ยัดมุมแคบไปที่เวาแรกทันที โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดได้นิดนึง แต่ด้วยความแรง เอาไม่อยู่ บอลปลิ้นเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น โปรตุเกส ที่ครองบอลเดินเกมรุก โหมบุกใส่ทีมเยือน อิสราเอล อยู่ฝั่งเดียว ก่อนจะมาได้สองประตูในช่วงท้าย ขึ้นนำไปแล้วด้วยสกอร์ 2-0 !!!
นาที 50
เปิดฉากครึ่งหลังมา เจ้าถิ่น โปรตุเกส ก็โหมบุกใส่ทันที จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้บอลทางกราบซ้าย ก่อนจะไหลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้เบิ้ลบอลโด่งจังหวะเดียวข้ามแนวรับไปที่เสาไกลซ้ายมือให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้สอดมาเหยียดขาชาร์จจ่อ ๆ บอลหลุดเสาไปนิดเดียว
นาที 59
เจ้าถิ่น โปรตุเกส น่าจะได้ประตูเพิ่มแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ สวนกลับขึ้นมาตรงกลาง บรูโน่ แฟร์นานเดส แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะพยายามชิพบอลด้วยซ้ายให้ข้ามตัวนายทวาร แต่ต้องชม โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่วิ่งออกมาปิดมุมได้ไว แล้วปัดบอลไว้ได้ทันอย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 61
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัวเทพฟุตบอล รับบอลทางกราบซ้าย ก่อนจะติดเครื่อง โยกหลบผู้เล่นทีมเยือนไปสอง แล้วกระชากตัดเข้าในมากดด้วยขวาเน้น ๆ แต่ก็ยังติดบล็อกกองหลังทีมเยือนอีกคน กระดอนลอยไปเข้ามือ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับไว้ได้สบาย
นาที 71
เจ้าถิ่น เดินเกมรุก บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ นูโน่ เมนเดส สอดขึ้นมาเอาบอลที่ริมเส้น ก่อนจะไหลบอลเลียดมาที่หน้าหัวกระโหลกตั้งให้ อังเดร ซิลวา ตัวสำรอง ได้วิ่งมาบรรจงซัดด้วยขวานอกกรอบ บอลแรงแต่ไม่หนีมือเท่าไหร่ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดทิ้งออกหลังไว้ได้ทัน ได้เป็นเตะมุม
นาที 86 GOAL!!!
ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น โปรตุเกส มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะความยอดเยี่ยมของ ชูเอา กานเซโล่ ที่เลี้ยงจี้ขึ้นมาเองถึงกรอบเขตโทษด้านขวา แล้วล็อคหลบกองหลังทีมเยือน ตัดเข้ามาในเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย ก่อนจะบรรจงปั่นไซด์โค้งด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งแรงกระดอนพื้นหนีมือ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบโคนเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงามสุด ๆ
นาที 90+1 GOAL!!!
ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น โปรตุเกส มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 4-0 !!! เป็นจังหวะ โต้กลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง กอนคาโล่ กูเอเดส พยายามจะเลี้ยงแหวกเข้าไปในเขตโทษแต่ไม่ผ่าน โดนแนวรับทีมเยือนสกัดบอลกระฉอกมาตรงหัวกระโหลกเข้าทาง บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้แต่งเข้าเหลี่ยม แล้วปั่นด้วยขวาเน้น ๆ พุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ โอเฟียร์ มาร์เซียโน่ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบสามเหลี่ยมซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม เป็นลูกที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ทีมชาติ โปรตุเกส เปิดบ้านไล่ถล่มทีมเยือน ทีมชาติ อิสราเอล ไปได้แบบเละตุ้มเป๊ะ 4-0 !!! ทิ้งทวนฟุตบอลกระชับมิตรอย่างสวยงาม ก่อนจะมีคิวฟาดแข้งยูโร 2020 นัดแรกกับทีมชาติ ฮังการี ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน นี้ต่อไป