เทพโอริกี้อีกแล้วครับท่าน!! ซัดชัย “ลิเวอร์พูล” บุกมาเฉือนเอาชนะ “เอซี มิลาน” ไปได้ถึงถิ่น 2-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน (อิตาลี) เปิดสนาม ซาน ซิโร่, เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป บี นัดสุดท้าย เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา 

เกมนี้ เจ้าถิ่น เอซี มิลาน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ฟร้องค์ เกสซีเย่ มิดฟิลด์ห้องเครื่องพันธุ์แกร่ง บราฮิม ดิอาซ เพลย์เมกเกอร์จอมพลิ้ว และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย ทาคุมิ มินามิโนะ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกกึ่งกองหน้าตัวจี๊ด และ ดิว็อค โอริกี้ กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม

นาที 4

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นทักทายก่อน จากจังหวะ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ไหลนิ่ม ๆ มาที่หน้าเขตโทษให้ เนโก วิลเลี่ยมส์ ดันสูงขึ้นมาของลองส่องไกลด้วยซ้ายนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าไม่หนีมือเท่าไหร่ ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 8

เจ้าถิ่น ทัพปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน ได้ทักทายบ้าง จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณมุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย จูเนียร์ เมสซิอาส บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้เทคตัวขึ้นโขกสะบัดเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเข้าซองเอาไว้ได้สบาย

นาที 20

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อิบราฮิมา โกนาเต้ ได้เทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ แต่โดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บอลเหินข้ามคาน ลอยหลุดออกหลังไปไกล ไม่ได้ลุ้นอะไร

นาที 29 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เอซี มิลาน ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จูเนียร์ เมสซิอาส บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่เสาแรก แล้วเป็น ทาคุมิ มินามิโนะ ที่หวดสกัดวืด ปล่อยบอลกระเด้งพื้นไปจวนตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาปัดไม่ดีมาเข้าทางปืน ฟิคาโย่ โทโมรี่ ได้ซ้ำจ่อ ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 32

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล พยายามตั้งเกมบุกขึ้นมาใหม่ จังหวะนี้ ซาดิโอ จ่ายบอลยัดตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ดิว็อค โอริกี้ พยายามคลึงหาช่องยิงมาเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย ก่อนจะสบโอกาสซัดเร็วมุมแคบยัดไปที่เสาแรก แต่เป็น ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนปิดมุมดักรอเอาไว้อยู่แล้ว ปัดกระฉอกแล้วตามมาคว้าเอาไว้ได้ทัน

นาที 35 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตามตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะความยอดเยี่ยมของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน พาบอลโยกหนี ฟร้องค์ เคสซิเย่ หลุดเข้าไปซัดเน้น ๆ ในเขตโทษฝั่งขวา ส่งบอลพุ่งแรงไปตรงตัวของ ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดไม่ดีมาที่หน้าเสาแรกขวามือเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ วิ่งปรี่มาซ้ำโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย ถือว่าเป็นประตูที่ 20 ของเจ้าตัว รวมทุกรายการในซีซั่นนี้อีกด้วย

นาที 45

ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นทิ้งทวนจากจังหวะ ดิว็อค โอริกี้ ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยี่ยม รับบอลมาที่หน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองซัดไกลด้วยขวานอกกรอบ ระยะกว่า 25 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ยังไม่เข้าเป้า เหินข้ามคานออกไปไกล

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลก สู้กันได้อย่างสนุกสูสี เป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลบุกได้มากกว่าอยู่พอสมควร ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น เอซี มิลาน บุกขึ้นมาได้น้ำได้เนื้ออยู่เหมือนกัน สกอร์ตอนนี้ เสมอกันอยู่ที่ 1-1 !!!

นาที 48

เปิดฉากครึ่งหลังมา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ทักทายก่อนเลยทันที จังหวะนี้ ทาคุมิ มินามิโนะ พลิกบอลจากทางริมกรอบด้านซ้าย ตัดเข้าในไปตรงกลางได้สวย ก่อนจะเลือกวางเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่มุดช้าไปหน่อย ลอยโด่งเหินข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้นอะไร

นาที 50

เจ้าถิ่น เอซี มิลาน เกือบได้ลูกจุดโทษ จากจังหวะ ฟร้องค์ เคสซิเย่ ได้บอลหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะโดน คอสตาส ซิมิกาส ตามมาเบียดกระแทกล้มลงไป ทว่า แดนนี่ มัคเคลี ผู้ตัดสินจากเนเธอร์แลนด์ ยังใจแข็ง ให้เกมดำเนินต่อไป ส่วน VAR จากข้างสนาม ก็ไม่ได้ว่าอะไรเหมือนกัน

นาที 53

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ แนวรับเจ้าถิ่นสกัดบอลพลาดมาที่ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ได้ลากบอลหนีคู่แข่งหาช่องบริเวณหัวกระโหลก เจ้าตัวแต่งเข้าเขตโทษ ก่อนจะบรรจงตวัดยิงเร็วด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงไปตรงตัวของ ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้ไม่มีกระฉอก

นาที 55 GOAL!!!

ทีมเยือน ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-1 !!! จากจังหวะความผิดพลาดของ ฟิคาโย่ โทโมรี่ จับบอลลั่นโดน ซาดิโอ มาเน่ ฉกบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดเน้น ๆ ที่หน้าเสาซ้ายมือ ส่งบอลพุ่งแรงไปถูก ไมค์ เมนญ็อง ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดออกมาที่กลางประตูเข้าทางปืนของ ดิว็อค โอริกี้ ได้โหม่งซ้ำเหน่ง ๆ ส่งบอลเข้าประตูไป ตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก

นาที 61

เจ้าถิ่น เอซี มิลาน เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ จูเนียร์ เมสซิอาส ลากบอลตัดจากขวาเข้ามาตรงกลาง ก่อนจะไหลมาที่หน้าเขตโทษให้ ราเด้ ครูนิช วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เหินข้ามคานออกไปนิดเดียว ชนิดได้เสียวสุด ๆ

นาที 69

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง จังหวะนี้ เนโก วิลเลี่ยมส์ พาบอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวาได้สวย ก่อนจะครอสบอลเข้าไปที่กลางประตูให้ ดิว็อค โอริกี้ ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโขกคนเดียวเหน่ง ๆ แต่ดันสะบัดส่งบอลหลุดเสาแรกออกไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 82

เจ้าถิ่น เอซี มิลาน ได้ฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 25 หลา หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง แล้วเป็น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช รับหน้าที่ วิ่งมาบรรจงซัดด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปติดกำแพง ก่อนจะกระดอนหลุดออกหลังไป ได้เป็นลูกเตะมุมแทน

นาที 85

ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น เอซี มิลาน พยายามปั้นเกมรุกสุดฤทธิ์ จังหวะนี้ ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาอย่างสวยให้ ฟร้องค์ เคสซิเย่ ได้วิ่งสอดหลุดเดี่ยวไปก้มหน้าซัดด้วยขวาเน้น ๆ ทว่าต้องชม อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ทิ้งตัวป้องกันเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด ไม่มีปัญหา

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น เอซี มิลาน ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! เก็บชัย 6 นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษที่ทำได้ ผ่านเข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่ม โดยการจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 13 ธันวาคมนี้ เวลา 18.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ส่วนทางด้านเอซี มิลาน รั้งบ๊วยของตาราง ต้องอกหักตกรอบไป