แฟรงก์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี พอใจฟอร์มการเล่นแม้แพ้ เรอัล มาดริด ตกรอบ ขณะเดียวกันชี้ว่า เอแดร์ มิลิเตา แนวรับคู่แข่งควรโดนใบเหลืองที่สองจังหวะตัดเกม พร้อมปิดท้ายให้ค่ำมั่น พวกเขาจะสามารถกลับมาได้ในอนาคต
“สิงห์บลูส์” ภายใต้การหวนคุมของ แลมพาร์ด พ่ายแพ้เป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน ล่าสุดโดน “ราชันชุดขาว” คาบ้าน 2-0 ตกรอบก่อนรองฯ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก
“เราโชว์ฟอร์มดีมากเป็นเวลา 60 นาที และสร้างโอกาสที่ดีหลายครั้ง” อดีตกองกลางระดับตำนาน ให้สัมภาษณ์หลังจบเกม
“แต่ในการแข่งขันระดับนี้ คุณต้องใช้โอกาสจบสกอร์ให้ได้ และคืนนี้ไม่ใช่ค่ำคืนของเรา”
“เมื่อทีมพ่ายแพ้ คุณไม่ต้องการชื่นชมเรื่องฟอร์มการเล่นมากเกินไป แต่วันนี้เราพัฒนาขึ้นอย่างมากแล้ว และยังสามารถพัฒนาได้อีก”
“เชลซี เคยไปได้ไกลกว่านี้ใน แชมป์เปี้ยนส์ ลีก และเหล่าผู้เล่นสามารถใช้ความรู้สึกนี้ให้เป็นประโยชน์สำหรับอนาคต”
“นี่คือเกมแรกนับตั้งแต่ผมกลับมาคุมทีม ที่ผมรู้สึกว่าลูกทีมนำสิ่งที่เราบอกก่อนแข่งไปใช้ในสนาม และเราต้องทำแบบนั้นในช่วงที่เหลือของฤดูกาล”
“คุณกำลังลงเล่นให้ เชลซี และผมจะไม่ปล่อยให้ลูกทีมคนไหนรอดตัวไปได้, เราต้องรักษามาตรฐานแบบช่วง 60 นาทีแรกของเกมนี้ไว้ให้ได้”
“วันพรุ่งนี้เราจะพักผ่อน และกลับมาทำงานกันต่อในวันพฤหัสเพื่อเตรียมแข่งกับ เบรนท์ฟอร์ด”
“ผมคิดว่าแฟนบอลพอใจกับฟอร์มการเล่นวันนี้ และเราต้องใช้ช่วงที่เหลือเพื่อต่อยอดสำหรับพยายามอีกครั้งในฤดูกาลหน้า”
“ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ก็เคยมีช่วงที่ไม่ได้ไป แชมป์เปี้ยนส์ ลีก มาก่อน ดังนั้นการทำนายผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้นกับเราคือเรื่องเป็นไปไม่ได้”
“ผู้คนจะทำให้ฤดูกาลนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะสโมสรเราเคยประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ความเป็นจริงก็คือ เชลซี จะกลับมา”
การแข่งขันที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เกิดจังหวะปัญหานาทีที่ 54 โดย เอแดร์ มิลิเตา ตัดเกมใส่ เทรวอห์ ชาโลบาห์ แต่ผู้ตัดสินไม่แจกใบเหลืองที่สอง ซึ่ง แลมพาร์ด ถูกถามถึงเรื่องนี้
“จากผลการแข่งขันที่ออกมา ผมจะไม่บ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้” อดีตนายใหญ่ เอฟเวอร์ตัน กล่าวตอบ
“ผมจะไม่พูดสิ่งที่คิดในใจออกมาทั้งหมด แต่สำหรับผม นั่นคือใบเหลืองที่สองของ มิลิเตา”
“จังหวะนั้นเกิดขึ้นในพื้นที่แดนสุดท้าย และควรเป็นใบเหลืองที่สอง ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะเหลือตัวผู้เล่นมากกว่าเป็นเวลา 30 นาที”
“เราต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ที่ เบอร์บาเบว และวันนี้ มาดริด ควรเจอสถานการณ์เดียวกัน แต่นั่นก็ไม่เกิดขึ้น”