นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง โครเอเชีย ที่เตรียมเปิดสนาม สตาดิโอน โพลูด, สปลิท ต้อนรับการมาเยือนของ ฝรั่งเศส ในศึก ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (ทีมชาติ) เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ โครเอเชีย จะมาในระบบ 4-3-3 พร้อมส่งผู้เล่นชุดเดิมจากเกมนัดแรก เหมือนเดิมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น โดมินิค ลิวาโควิช,โยซิป ยูราโนวิช,มาเตโอ โควาซิช,ลูก้า โมดริช และ โยซิป เบรกาโล่
ขณะที่ ฝรั่งเศส จะมาสู้ด้วยแผน 4-4-2 แผนที่กุนซือ ดิดิเยร์ เดสช็องป์ส ชอบใช้ นำโดยดาวเด่นของทีมอย่าง ไมค์ เมญอง,เบนจามิน ปาวาร์,อาเดรียน ราบิโอต์,คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และ เบน เยดแดร์
นาทีที่ 16
ช่วงแรกทั้งสองทีมยังไม่ค่อยบุกใส่กันสักเท่าไหร่ จนกระทั่ง โครเอเชีย ได้ลุ้นก่อน เมื่อ ราบิโอต์ จ่ายทะลุช่องทีเดียวให้ บูดิเมียร์ ได้หลุดเดี่ยว เข้าไปยิงล่อเป้า ไมค์ เมญอง ในกรอบเขตโทษ แต่ลูกนี้น่าจะเร่งจังหวะมากเกินไปหน่อย บอลสุดท้ายเลย หลุดออกหลังไป อย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 31
ฝรั่งเศส พลาดได้ประตูขึ้นนำ อย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ ดิยาบี้ ไหลบอลตามช่องให้ เอ็นคุนคู วิ่งฉีกตัวประกบ ตามไปเอาบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนจะเลือกยิงแบบชิพข้ามหัว ลิวาโควิช ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวย แต่ลูกนี้ดันมีธงล้ำหน้ายกขึ้นมาก่อนแล้ว
นาทีที่ 40
ก่อนหมดเวลา 5 นาที ฝรั่งเศส ยังบดไม่เลิกเพราะหวังเอาประตูขึ้นนำให้ได้ แต่พวกเขาก็ทำได้แค่เกือบ
เพราะ จังหวะในพื้นที่สุดท้าย ฝรั่งเศส ยังทำได้ไม่ดีพอ หรือจพเรียกว่าใช้โอกาสเปลือง ก็ว่าได้
หมดครึ่งเวลาแรก ทั้งสองทีมยัง เสมอ กันอยู่ที่ 0-0 แต่รูปเกมเป็นทางด้าน ฝรั่งเศส ที่เหนือกว่าทุกอย่าง ครึ่งถ้าเน้นจังหวะจบให้เฉียบคมมากกว่านี้ รับรองว่าประตูแรกของ ตราไก่ มาแน่
นาทีที่ 52 ฝรั่งเศส ออกนำ 1-0
เริ่มครึ่งหลังได้ไม่นาน ฝรั่งเศส ก็ได้ประตูออกนำก่อน ตามคาด จากจังหวะที่ เยดแดร์ เห็นช่องว่างหน้าประตู เขาจึง ตักบอลให้ ราบิโอต์ วิ่งแซงกองหลังของ โครเอเชีย เกี่ยวบอลไปยิงมุมแคบ บอลพุ่งเบียดเสา เข้าประตูไปอย่างสวย
นาทีที่ 76
ฝรั่งเศส ยังฝังไม่ได้ ทั้งๆที่มีโอกาสทำประตูอีกแล้ว จากจังหวะที่ แนวรับของเจ้าถิ่น ออกบอลกัน ผิดพลาดแล้วโดน จนสุดท้าย บอลไปตกอยู่ที่เท้าของ กรีซมันน์ ยิงสวนเข้าไปอีกที คราวนี้ไม่มีพลาด เพราะ ลิวาโควิช ล้มตัวปีดไม่ทัน
นาทีที่ 82 โครเอเชีย ตามเจ๊าสำเร็จ
ก่อนหมดเวลา10นาที ฝรั่งเศส แทบช็อค เพราะ ตัวสำรองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมา อย่าง คลอสส์ ดันไปทำฟาวล์ คามาริช ในกรอบเขตโทษ แบบไม่จำเป็น กรรมการจึงไม่รอช้า ชี้นิ้วให้ โครเอเชีย ได้ ลูกจุดโทษทันที ก่อนจะเป็น คามาริช ที่ลุกขึ้นมาซัดลูกนี้เข้าประตูไปอย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขัน เกมนี้ค่อนข้างจะพลิกไปพลิกมา ทำอะไรกันไม่ได้ สุดท้ายคู่นี้จึงต้องแบ่งแต้มกันไป ตามระเบียบ
สนับสนุนไฮไลท์โดย ufabet