เกมการแข่งขัน ระหว่าง ทัพอัซซูร์รี่ ทีมชาติ อิตาลี กับทัพแดนนาฬิกา ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่สองของ กลุ่ม เอ โดยเล่นกันที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้, กรุงโรม ประเทศอิตาลี ในคืนพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าภาพร่วม ทีมชาติ อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังพันธุ์แกร่งจากยูเวนตุส ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ดจากนาโปลี และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ดาวยิงโป้งปิดบัญชีจากลาซิโอ
ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย กรานิต ชาก้า กองกลางห้องเครื่องจากอาร์เซน่อล เชอร์ดาน ชากิรี่ เพลย์เมกเกอร์ตัวจี๊ดจากลิเวอร์พูล และ ฮาริส เซเฟโรวิช ศูนย์หน้าตัวความหวังจากเบนฟิก้า
นาที 10
เปิดเกมมา เป็นทางฝั่งทีมชาติ อิตาลี ที่ครองบอลบุกได้มากกว่าตามสไตล์ และได้โอกาสทักทายก่อนเลย เป็นจังหวะ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า กระชากบอลเติมเกมรุกขึ้นมา หลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเข้าไปตรงกลางประตูให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้เทคตัวขึ้นโหม่งเต็ม ๆ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อย่างน่าเสียดาย
นาที 19 VAR!!!
อิตาลี ขึงเกมรุก บุกใส่ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ อย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เปิดบอลปั่นโค้งเข้าไปตรงกลางเขตโทษ แล้วเป็น จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ได้โฉบมากระโดดขึ้นแย่งโหม่งกับ กรานิต ชาก้า และ มานูเอล อคานยี่ ก่อนที่บอลจะตกพื้นเข้าทางเจ้าตัว ได้ซัดจ่อ ๆ เข้าประตูไป ไม่เหลือซาก แต่สุดท้ายต้องเฮเก้อ เพราะ เซอร์เกย์ คาราเซฟ ผู้ตัดสิน ได้รับสัญญาณ VAR ก่อนจะไปเช็คที่ข้างสนาม แล้วให้เป็นลูกแฮนด์บอลของคิเอลลินี่ ซึ่งภาพช้า เห็นชัดเจนว่า บอลไปโดนแขนของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ก่อนจริง ๆ
นาที 24
อิตาลี ต้องมาเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังตัวเก่งกัปตันทีม ออกจากสนามไป เมื่อเจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือมาดเท่ จึงต้องจำใจใช้โควต้าเปลี่ยนตัวเป็นคนแรก โดยส่ง ฟรานเชสโก้ อาแช์บี้ ลงสนามมาเล่นแทน
นาที 26 GOAL!!!
อิตาลี มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ 1-0 !!! เป็นจังหวะ มานูเอล โลคาเตลลี่ ถ่ายบอลออกไปทางขวาให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้โชว์พลิ้วกระชากหนี ริคาร์โด้ โรดริเกซ หลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะปาดเลียดไปที่หน้าประตูให้ มานูเอล โลคาเตลลี่ ที่วิ่งสอดตามขึ้นมาจากกลางสนาม ได้ชาร์จโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 28
สวิตเซอร์แลนด์ ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ฮาริส เซเฟโรวิช ได้บอลทางมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ดึงจังหวะรอเพื่อน ก่อนจะไหลมาหน้ากรอบเขตโทษให้ ริคาร์โด้ โรดริเกซ ที่เติมขึ้น แต่งบอลหาช่อง แล้วลองซัดไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งหลุดกรอบ ออกหลังไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 37
อิตาลี เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ แทงบอลทะลุช่องให้ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ที่เติมเกมรุกขึ้นมา ได้เลี้ยงจี้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะที่เจ้าตัวจะแตะหลบตัวประกบ แล้วจิ้มบอลเร็วด้วยขวาเล่นทาง พุ่งเลียดกระดอนพื้น หลุดเสาไกลขวามือออกไปนิดเดียว อย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมชาติ อิตาลี ที่เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า คุมจังหวะเกม ปูพรมเดินเกมรุกบุกใส่ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ อยู่แทบจะฝั่งเดียว ก่อนที่จะยิงออกนำไปก่อนแล้ว 1-0 !!!
นาที 52 GOAL!!!
เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แปปเดียว ก็เป็นทางฝั่งทัพอัซซูร์รี่ ทีมชาติ อิตาลี ที่ได้ประตูหนีห่างออกไปอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะที่ นิโคโล่ บาเรลล่า แทงบอลขึ้นหน้าไปที่หัวกระโหลกให้ มานูเอล โลคาเตลลี่ ได้จับบอล แล้วตั้งป้อมบรรจงวางเท้าซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งแรงและเลียดกระดอนพื้นหนีมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูสวิตเซอร์แลนด์ เสียบเสาขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างเฉียบคม เป็นลูกที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้อีกด้วย
นาที 58
หลังโดนไปแล้วสองเม็ด วลาดิเมียร์ เพ็ตโควิช กุนซือสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มนั่งไม่ติด ต้องแก้เกมด้วยการส่ง สตีเว่น ซูเบอร์ และ ซิลวาน วิดเมอร์ ลงสนามมาเล่นแทน ฟาเบียน แชร์ และ เควิน เอ็มบาบู ที่โชว์ฟอร์มไม่ออกในวันนี้
นาที 61
สวิตเซอร์แลนด์ พยายามจะตั้งเกมบุก เพื่อจะตีไข่แตกให้ได้ จังหวะนี้ เซอร์ดาน ชาคิรี่ ได้บอลทางกราบซ้าย แล้วติดเครื่องกระชากพลิ้วหนีผู้เล่นอิตาลี หลุดมาถึงหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วตัดสินใจก้มหน้าวางเท้ากดด้วยซ้ายเต็มข้อเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงมาก แต่ทิศทางยังไม่ได้ เหินข้ามคานออกไป แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 64
สวิตเซอร์แลนด์ เกือบจะได้ประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะ การต่อบอลกันขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษของอิตาลี ก่อนที่ มาริโอ กาฟราโนวิช ตัวสำรอง จะไหลบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ สตีเว่น ซูเบอร์ ได้เอี้ยวตัวแปด้วยขวาเน้น ๆ ไปติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูอิตาลี บอลกระดอนกลับมาที่เจ้าตัวได้ซ้ำอีกที แตร ดอนนารุมม่า จอมหนึบของอิตาลี ก็ยังปัดออกไปได้อีกหน
นาที 65
อิตาลี ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาได้จบ เป็นจังหวะ มานูเอล โลคาเตลลี่ หลุดมาทางกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะตวัดย้อนหลังมาที่หน้าเขตโทษให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้หาช่องส่องด้วยซ้ายเต็ม ๆ แต่บอลก็พุ่งหลุดกรอบ เสาขวามือออกหลังไป อย่างน่าเสียดาย
นาที 73
อิตาลี พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะที่ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ วางบอลยาวจากแดนตัวเองข้ามแนวรับขึ้นหน้าไปให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้สปีดไปเอาบอลลง ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะเอี้ยวตัวบรรจงแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทาง พุ่งเลียดหนีมือ ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูสวิตเซอร์แลนด์ เฉียดเสาไกลขวามือ ออกหลังไปนิดเดียว ได้ลุ้นสุด ๆ
นาที 75
อิตาลี พลาดโอกาสหนีห่างอีกครั้ง เป็นจังหวะที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา กระชากบอลขึ้นมาเองจากกลางสนาม ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้หลุดเข้าไปในเขตฝั่งซ้าย แล้วหวดเร็วด้วยซ้ายทันที แต่บอลก็ยัง พุ่งเลียดกระดอนพื้น ผ่านหน้าปากประตู หลุดเสาสองออกไปอีกเหมือนเดิม
นาที 88 GOAL!!!
หลักจากเฉียดไปเฉียดมาอยู่นาน เป็นทางฝั่งทีมชาติ อิตาลี ที่มาได้ประตูปิดกล่องจนได้เป็น 3-0 !!! จากจังหวะที่ ราฟาเอล โตลอย ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ตัดบอลได้แล้วไหลเร็วไปที่หน้าเขตโทษให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้จับบอลแล้วพลิกมาซัดด้วยขวาเน้น ๆ หน้ากรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น ติดปลายมือของ ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูสวิตเซอร์แลนด์ นิดนึง ก่อนจะปลิ้นเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก
หมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติ อิตาลี ไล่ถล่มทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ไปได้แบบสบาย ๆ 3-0 !!! รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม เอ ตีตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นที่เรียบร้อย โดยยังมีโปรแกรมเจอกับทีมชาติ เวลส์ ในวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายนนี้ ส่วนทางด้าน สวิตเซอร์แลนด์ อยู่อันดับที่ 3 ของตารางคะแนน นัดต่อไปต้องพบกับทีมชาติ ตุรกี ในวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน นี้เช่นเดียวกัน ถือว่ายังมีโอกาสลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย