เกมการแข่งขันระหว่าง ทีมแชมป์เก่า ทัพฝอยทอง ทีมชาติ โปรตุเกส กับทัพตราไก่ ทีมชาติ ฝรั่งเศส ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2020 รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้ายของกลุ่ม เอฟ โดยเล่นกันที่สนาม ปุสกัส อารีน่า, บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ในค่ำคืนวันพุธที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เกมนี้ ทีมชาติ โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของ แฟร์นานโด้ ซานโตส มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย รูเบน ดิอาส ปราการหลังตัวเก่งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชูเอา มูตินโญ่ เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกมจากวูล์ฟแฮมป์ตัน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้าเทพประทานจากยูเวนตุส
ขณะที่ทางฝั่ง ทีมชาติ ฝรั่งเศส ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางตัวรับจอมขยันจากเชลซี อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าตัวทำเกมจากบาร์เซโลน่า และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวปิดบัญชีจากเรอัล มาดริด
นาที 4
เปิดฉากเกมมา เป็นทางฝั่งทีมชาติ โปรตุเกส ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ ชูเอา มูตินโญ่ จ่ายบอลสั้นมาที่หน้ากรอบเขตโทษให้ เรนาโต้ ซานเชส ได้แต่งหาช่อง แล้วลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ หน้ากรอบเขตโทษ แต่ยิงไม่ดีบอลหลุดกรอบออกไป แบบไม่ได้ลุ้น
นาที 6
โปรตุเกส ยังได้บุกต่อเนื่อง จังหวะนี้เป็น ดีโอโก้ โชต้า ถ่างมาขึ้นเกมทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายสั้น ๆ มาที่หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปด้านซ้ายให้ เรนาโต้ ซานเชส ได้ตักบอลโด่งยัดเข้าไปที่กลางเขตโทษตรง ๆ ให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หันหลังให้ประตูอยู่ ได้เทคตัวขึ้นโขก แต่บอลยังเบาแถมไปตรงตัวของ ฮูโก้ ญอริส ผู้รักษาประตูฝรั่งเศส รับไว้ได้สบาย
นาที 16
โอกาสได้ทักทายครั้งแรกของทีมชาติ ฝรั่งเศส ก็เกือบจะได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเลย เป็นจังหวะ พอล ป็อกบา ได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนจะแทงบอลเลียดทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาเน้น ๆ แค่ไปติดเซฟของ รุย ปาตริซิโอ ผู้รักษาประตูโปรตุเกส ที่วิ่งออกมาปิดมุม ยืนจังก้า ปัดบอลทิ้งไว้ได้เต็ม ๆ
นาที 20
โปรตุเกส มีโอกาสได้ลุ้นประตูอีกครั้ง จังหวะนี้ ราฟาแอล วาราน พยายามขึ้นโขกสกัดบอลโด่งที่โยนเข้ามา แต่ทำได้ไม่ดี บอลลอยไม่ไปไหน กลายเป็นมาเข้าทางตั้งให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้หวดด้วยขวาแบบไม่จับสวนเข้าไปที่กลางประตู แต่ยังดีที่บอลพุ่งแรง หลุดเสาขวามือออกหลังไป
นาที 31 GOAL!!!
โปรตุเกส มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกนอกกรอบระยะค่อนข้างไกล ชูเอา มูตินโญ่ สาดโด่งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น ฮูโก้ ญอริส ผู้รักษาประตูฝรั่งเศส พุ่งออกมาพยายามจะชกโดน แต่จังหวะตามน้ำ ศอกดันไปสอยใส่หน้าของ ดานิโล่ เข้าเต็ม ๆ ล้มลงไปนอน ผู้ตัดสิน อันโตนิโอ มาเตว วิ่งมาแจกใบเหลืองให้ ญอริส และเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของโปรตุเกสทันที คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รับหน้าที่สังหาร ซัดด้วยขวา เสียบตาข่ายซ้ายมือ เข้าประตูไป ไม่พลาด
นาที 34
โปรตุเกส ยังคงบุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ต่อบอลทำเกมบุกขึ้นมาจากทางกราบซ้าย ก่อนที่บอลสุดท้ายจะมาถึง ชูเอา มูตินโญ่ ที่หน้ากรอบเขตโทษด้านขวา ได้พาบอลเลี้ยงตัดเข้าในมาเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย แล้วลองบรรจงปั่นเน้น ๆ พุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ ฮูโก้ ญอริส ผู้รักษาประตูฝรั่งเศส เฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว
นาที 41
เกมยังคงเป็นของทีมชาติ โปรตุเกส จังหวะนี้ แนวรับของฝรั่งเศส ทำพลาดจ่ายบอลมาโดน แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตัดบอลได้ตรงกลาง ครองบอลดึงจังหวะรอเพื่อน ก่อนจะไหลสั้น ๆ ตั้งให้ ชูเอา มูตินโญ่ ที่วิ่งหลังขึ้นมา ได้ปรี่มาซัดด้วยขวาเต็ม ๆ แต่บอลก็ยังหลุดเสาไกลขวามือ ออกไปหลังไปนิดเดียว
นาที 45+2 GOAL!!!
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เป็นทางฝั่งทีมชาติ ฝรั่งเศส มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะที่ เนลซอน เซเมโด้ วิ่งไปกระแทก คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ จากด้านหลัง ล้มลงไปในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินจากสเปน เป่าฟาล์วให้เป็นลูกจุดโทษของฝรั่งเศสทันที ก่อนจะขอเช็ค VAR อยู่สักพักใหญ่ แล้วกลับลงมายืนยันคำเดิม ผู้เล่นโปรตุเกสโวยวายประท้วงกันใหญ่ แล้วเป็น คาริม เบนเซม่า รับหน้าที่สังหาร ยิงเข้าประตูไป ไม่เหลือ
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทางฝั่งทีมชาติ โปรตุเกส ที่ครองบอลได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายเปิดเกมรุกบุกใส่ทีมชาติ ฝรั่งเศส อยู่แทบจะฝั่งเดียว ยิงขึ้นนำไปก่อน สุดท้ายมาโดนจุดโทษตามตีเสมอ สกอร์ตอนนี้ โปรตุเกส 1 ฝรั่งเศส 1 !!!
นาที 46
เริมครึ่งหลังมา ทั้งสองทีม เปลี่ยนตัวผู้เล่นฝั่งละคน ทีมชาติ ฝรั่งเศส ส่ง ลูก้าส์ ดีญ แบ็คซ้ายจอมบุกจากเอฟเวอร์ตัน ลงสนามมาเล่นแทน ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ ส่วนทางทีมชาติ โปรตุเกส ก็เปลี่ยน ชูเอา ปาลินญ่า มิดฟิลด์ตัวกลาง ลงมาเล่นแทนส่ง ดานิโล่ เปเรย์ร่า
นาที 48 GOAL!!!
เริ่มครึ่งหลังมาได้แปปเดียว เป็นทางฝั่งทีมชาติ ฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนโอกาสแรกเป็นประตูพลิกขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว 2-1 !!! เป็นจังหวะ พอล ป็อกบา ยกบอลโด่งจากกลางสนามข้ามแนวรับให้ คาริม เบนเซม่า ได้วิ่งสอดไลน์ หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะบรรจงแปด้วยขวาเน้น ๆ เล่นทางสวนตัว รุย ปาตริซิโอ ผู้รักษาประตูโปรตุเกส พุ่งกระดอนไปชนเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม ผู้ตัดสิน ขอเช็ค VAR อีกครั้ง แล้ววิ่งลงมาเป่าให้เป็นประตู ไม่ล้ำหน้า
นาที 50
ทีมชาติ โปรตุเกส ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ราฟาเอล เกร์เรยโร่ พาบอลกระชากขึ้นขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะบรรจงครอสบอลโด่งเข้าไปที่กลางประตูให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เทคตัวเอาชนะคู่แข่ง ได้ขึ้นโขกสะบัดเต็ม ๆ แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ เฉียดเสาไกลขวามือ ออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 52
ทีมชาติ ฝรั่งเศส ต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อ ลูก้าส์ ดีญ แบ็คซ้ายจอมบุก ที่เพิ่งลงสนามมาได้แค่แปปเดียว เกิดอาการบาดเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว จำเป็นต้องส่ง อาเดรียง ราบิโอต์ ลงสนามมาแทน
นาที 60 GOAL!!!
ทีมชาติ โปรตุเกส มาได้ประตูตีเสมอเป็น 2-2 !!! เป็นจังหวะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กระชากพาบอล หลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดบอลโด่งไปติดมือของ ชูลส์ กุนเด้ ผู้ตัดสินเป่าชี้ให้เป็นจุดโทษทันทีกับโปรตุเกสทันที แล้วเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เจ้าเก่า รับหน้าที่สังหาร ยิงเข้าไปที่มุมเดิม เข้าประตูไป ไม่เหลือ เป็นลูกที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ และเป็นลูกที่ห้าในยูโรหนนี้อีกด้วย
นาที 68
ทีมชาติ ฝรั่งเศส เกือบได้ประตูขึ้นนำสองจังหวะติด ๆ กัน จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า ได้บอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะไหลย้อนมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายให้ พอล ป็อกบา ได้แต่งหาช่อง แล้วปั่นด้วยขวาเน้น ๆ บอลพุ่งแรงโค้งสวยเกือบจะเสียบเสาไกลขวามืออยู่แล้ว แต่ รุย ปาตริซิโอ ผู้รักษาประตูโปรตุเกส โชว์ซุปเปอร์เซฟ พุ่งไปปัดบอลไปเข้าทาง อองตวน กรีซมันน์ ได้วิ่งมาซ้ำที่หน้าเสาขวามือ แต่ก็ยังติดเซฟของนายทวารฝอยทอง ที่ลุกขึ้นมาปิดมุมได้ไว ช่วยทีมไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 72
โปรตุเกส ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ ชูเอา ปาลินญ่า ได้ส่องไกลด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็พุ่งแรง เหินข้ามคานออกไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 79
ทีมชาติ โปรตุเกส ต้องมาเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง เนลซอน เซเมโด้ แบ็คขวาจอมบุก ที่มีอาการบาดเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว เล่ยต้องส่งออกไปพักที่ข้างสนาม แล้วส่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ แบ็คขวาฟอร์มแรงจากเอซี มิลาน ลงสนามมาเล่นแทน โดยถือว่า เป็นการประเดิมสนามเป็นนัดแรกของเจ้าตัวกับทีมชาติชุดใหญ่อีกด้วย
นาที 86
ช่วงท้ายเกม ทีมชาติ ฝรั่งเศส มีโอกาสได้ลุ้นเล็ก ๆ เป็นจังหวะที่ คิงส์เล่ย์ โกมัน ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โชว์ความพลิ้ว กระชากพาบอลหลุดขึ้นมามาทางฝั่งขวา ก่อนจะดึงจังหวะรอเพื่อน แล้วไหลบอลมาที่หน้าเขตโทษตั้งให้ อองตวน กรีซมันน์ ได้วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็ม ๆ ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปไกล แบบน่าผิดหวังสุด ๆ
หมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติ โปรตุเกส เสมอกับทีมชาติ ฝรั่งเศส ไปได้อย่างสนุก 2-2 !!! โดยที่ฝรั่งเศส จบอันดับที่ 1 ของกลุ่ม ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายไปดวลกับทีมชาติ สวิตเซอร์แลน ในวันจันทร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ ส่วนทางด้านโปรตุเกส จบอันดับที่ 3 แต่เป็นอันดับสามที่ผลงานดีที่สุด ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเช่นกัน โดยจะพบกับทีมชาติ เบลเยี่ยม ในวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ที่จะถึงนี้