เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม, เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 13 เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ชูเอา กันเซโล่ แบ็คซ้ายจอมบุก อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ตัวขับเคลื่อนเกม และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้ากึ่งปีกตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เดวิด มอยส์ มาเล่นในระบบ 3-4-2-1 นำทีมโดย เดแคลน ไรซ์ มิดฟิลด์ห้องเครื่อง ซาอิด เบนราห์มา ตัวทำเกมจอมพลิ้ว และ มิคาอิล อันโตนิโอ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม
นาที 7
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ ลำเลียงบอลมาทางฝั่งซ้าย จ่ายเข้ากลางมาถึงหน้าเขตโทษด้านขวาให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ ดันสูงเติมขึ้นมาแต่งหนึ่งที ก่อนจะขอลองกดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ระยะกว่า 25 หลา ส่งบอลพุ่งถากเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกไป ชนิดได้เสียว
นาที 13
ทีมเยือน ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ทักทายบ้าง จากจังหวะ ปาโบล ฟอร์นัลส์ จ่ายตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ มิคาอิล อันโตนิโอ โฉบมาเอาบอลแตะหนี อายเมริค ลาปอร์กต์ ไปถึงสุดเส้นหลัง สุดท้ายมุมยิงเหลือน้อย เจ้าตัวพยายามพลิ้วไต่เส้น ก่อนจะทำบอลหลุดออกหลังไป
นาที 15
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย อิลคาย กุนโดกัน บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อายเมริค ลาปอร์กต์ วิ่งสอดมา เทคตัวขึ้นโหม่งเสยเหน่ง ๆ ส่งบอลลอยไปเช็ดคานบริเวณเสาไกล กระเด้งลอยหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 16
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งติด ๆ กัน เป็นจังหวะ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทางกราบซ้าย ฉกบอลจาก เบน จอห์นสัน มาได้ ก่อนจะแทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษให้ ริยาด มาห์เรซ หลุดเดี่ยวแล้วซัดผ่านมือ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ทว่าผู้ช่วยยกธงว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อนแล้ว VAR ยืนยันคำเดิมเช่นกัน เฮเก้อกันไปสำหรับแฟน ๆ ทัพเรือใบ
นาที 23
ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว ซาอิด เบนราห์มา ลากจี้มากดด้วยซ้ายเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าทิศทางยังไม่หนีมือเท่าไหร่ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น พุ่งไปคว้าเอาไว้ได้ทัน
นาที 28
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ทำชิ่งกันตรงกลางออกมาทางซ้ายที่ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เจ้าตัวติดเครื่อง ลากจี้แล้วกระชากตัดเข้ากลางมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจวางเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย ถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
นาที 29
ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ฟรีคิกบริเวณเกือบสุดเส้นหลังฝั่งขวา แล้วเป็น แอรอน เครสส์เวลล์ รับอาสา เล่นลูกลักไก่ เลือกยิงไม่เลือกเปิด เจ้าตัวตัดสินใจยิงอัดแหวกกำแพง ส่งบอลพุ่งแฉลบไปเข้าหน้าต่างข้างตาข่าย หลุดออกหลังไป ได้เป็นเตะมุมแทน
นาที 33 GOAL!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! จากจังหวะเริ่มที่ ชูเอา คันเซโล่ เปิดบอลยางเปลี่ยนแกนข้ามฟากเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ริยาด มาห์เรซ สอดมารับบอล ก่อนจะโยกเข้าซ้ายแล้วซัดเร็วกึ่งยิงกึ่งผ่านไปที่หน้าประตู ส่งบอลพุ่งแรงไปแฉลบแนวรับทีมเยือน กระดอนเลยไปที่หน้าเสาไกลเข้าทางปืนของ อิลคาย กุนโดกัน ซัดเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 37
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะ โหม่งหนุนมาที่กึ่งกลางสนามถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา พักอกตั้งให้ ริยาด มาห์เรซ แทงทะลุช่องจังหวะเดียวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ กาเบรียล เชซุส ได้วิ่งสอด หลุดเดี่ยวไปถึงหน้าเสาแรก ก่อนจะก้มหน้าซัดเน้น ๆ ด้วยขวามุมแคบสวนตัวของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ นายทวารทีมเยือน ทำท่าจะกลิ้งเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น เบน จอห์นสัน ที่ถอยมาคุมเส้น สกัดทิ้งออกมาได้ทัน ช่วยทีมไม่ให้โดนเพิ่มเอาไว้ได้แบบหวุดหวิด
นาที 41
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ ดันสูงขึ้นมารับบอลที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวตัดสินใจขอลองส่องไกลเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงไปถูก ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดกระดอนออกมาเข้าทาง ริยาด มาห์เรซ วิ่งปรี่ตามมาซ้ำมุมแคบที่หน้าเสาไกลขวามือ ทว่าเป็น นายทวารทีมชาติโปแลนด์ เจ้าเก่า ลุกขึ้นไว ตามมาช่วยเซฟเอาไว้ได้ทันอีกครั้งหนึ่ง
หมดเวลาครึ่งแรก หิมะตกลงมาหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้พื้นสนามขาวโพลนไปหมด เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ถึง 70-30 เปอร์เซ็นต์ เป็นฝ่ายพับสนาม ขึงเกมรุกบุกใส่ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด อยู่แทบจะฝั่งเดียว แถมมาได้ประตูออกนำไปแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ แมนซิตี้ 1 เวสต์แฮม 0 !!!
นาที 56
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เกือบจะได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว ราฮีม สเตอร์ลิ่ง พาบอลหลุดขึ้นมาถึงริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดเข้ากลาง กระดอนโค้งเลยไปที่เสาไกลถึง กาเบรียล เชซุส ได้หลุดเดี่ยวเข้าชาร์จแปบอลจ่อ ๆ ด้วยขวาสวนตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน กำลังจะกลิ้งเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น แอรอน เครสส์เวลล์ วิ่งมาเสียบสกัดตัดหน้าออกหลังไป วิ่งมาทิ้งตัวสไลด์ออกหลังเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว จังหวะนี้เจ้าตัวหลังไปชนเข้ากับเสาเต็ม ๆ แพทย์ต้องลงมาดูอาการ
นาที 61
ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างไม่เต็มใจ เมื่อ แอรอน เครสส์เวลล์ มีอาการบาดเจ็บที่หลังก่อนหน้านี้ เล่นต่อไม่ไหว เดวิด มอยส์ กุนซือคนเก่ง จัดการเปลี่ยนเอา วลาดิเมียร์ คูฟาล ลงมายืนแทนในตำแหน่งเดียวกัน ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเล่นเป็นแบ็คขวาก็ตาม
นาที 69
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พับสนามขึงเกมรุกบุกใส่คู่แข่งอยู่ฝ่ายเดียว จังหวะนี้ ได้เตะมุมแล้วเล่นลูกสูตร จ่ายสั้นมาให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตูโดน เคิร์ท ซูม่า โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้วิ่งมาตะบันด้วยขวาสวนกลับเข้าไป ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าบังคับทิศทางไม่อยู่ สุดท้ายลอยเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปไกล แบบหมดลุ้น
นาที 74
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ ทำชิ่ง 1-2 กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายได้สวย ก่อนจะพยายามดีดเข้ากลางไปให้เพื่อนที่เสาไกล ทว่าเป็น ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน อ่านเกมได้ดี เขยิบมาปิดมุมได้ไว ตัดบอลเอาไว้ได้ทัน
นาที 78
ทีมเยือน ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ แย่งบอลแล้วตั้งเกมกันขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษให้ เดแคลน ไรซ์ ได้ตั้งป้อมขอลองส่องไกลเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ระยะเกือบ 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่ายังไม่ผ่านมือ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาทุบทิ้งออกมาได้ทันเฉียดฉิว
นาที 80
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เริ่มที่ กาเบรียล เชซุส ถอยมาล้วงบอลตรงกลางสนาม เจ้าตัวตักออกไปทางซ้ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้จ่ายเร็วตามช่องต่อให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้วิ่งสอดทะลุเข้าไปรับบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะเลือกยิงมุมแคบยัดไปที่เสาแรกไม่ผ่านเซฟของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ นายทวารทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ปัดเอาไว้ได้ทัน
นาที 90 GOAL!!!
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ จ่ายบอลทำชิ่งกันสวยมาถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตวัดเร็วเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ กาเบรียล เชซุส ได้ลากจี้โยกหาช่อง ก่อนจะไหลเข้ากลางแฉลบ อิลคาย กุนโดกัน เลยไปที่บริเวณหน้าจุดโทษเข้าทาง แฟร์นานดินโญ่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้บรรจงแปด้วยขวาเล่นทางเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้น ย้อนศรเสียบเสาแรกซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม
นาที 90+1
เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว แฟร์นานดินโญ่ แทงบอลทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้าในเขตโทษ ก่อนจะชิพข้ามตัว ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป อย่างเหนือชั้น ทว่าดันมีธงล้ำหน้ายกตามหลังขึ้นมา เฮเก้อกันไปสำหรับสาวกเรือใบ
นาที 90+4 GOAL!!!
ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีไข่แตกปลอบใจเป็น 2-1 !!! จากจังหวะ แนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์บอลกันไม่ขาดมาเข้าทาง แฟร์นานดินโญ่ ติดประมาทจับบอลแล้วโดน มานูเอล ลันซินี่ ฉกมากลับตัวตวัดยิงฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาหน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงแล้วมุดลงแบบใบไม้ร่วงหนีมือ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข็ดเสาแรกซ้ายมือ กระเด้งเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! กวาดชัยชนะ 5 เกมรวดในทุกรายการ พร้อมขยับขึ้นเป็นรองจ่าฝูงของตาราง โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนแอสตัน วิลล่า ในคืนวันพุธที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเวสต์แฮม ยูไนเต็ด รั้งอันดับที่ 4 ของตารางคะแนน นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับไบรท์ตัน ในวันเดียวกันแต่คนละเวลา