เกมการแข่งขัน ระหว่างทีมชาติ อิตาลี กับทีมชาติ ตุรกี ในศึกฟุตบอลแห่งชาติยุโรป 2020 รอบแรก นัดแรก ของกลุ่ม เอ โดยจะเล่นกันที่สนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้, กรุงโรม ประเทศอิตาลี
เกมนี้ ทีมชาติ อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังกัปตันทีมจากยูเวนตุส ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ดจากนาโปลี และ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีจากลาซิโอ ขณะที่ทางฝั่งทีมชาติ ตุรกี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เซนอล กูเนส มาเล่นในระบบ 4-1-4-1 นำทีมโดย คักลาร์ โซยุนชู ปราการหลังพันธุ์แกร่งจากเลสเตอร์ ซิตี้ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู เพลย์เมกเกอร์จอมปั่นฟรีคิกจากเอซี มิลาน และ บูรัค ยิลมาซ กองหน้าตัวความหวังของทีมจากลีลล์
นาที 3
เปิดฉากมาแปปเดียว เป็นทีมเจ้าภาพ ทีมชาติ อิตาลี ได้ทักทายก่อนเลยทันที เป็นจังหวะ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ สปีดตามมาเอาบอล หลุดมาถึงสุดเส้นหลังขวา ก่อนจะปาดเลียดจังหวะเดียวมาที่เสาแรกให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้วิ่งโฉบมาซัดเร็วด้วยขวา เข้าหน้าต่างข้างต่าขาย หลุดออกหลังไป
นาที 15
ช่วงต้นเกม ทั้งสองทีมยังเล่นได้อย่างสูสี เจ้าถิ่น อิตาลี ครองบอลได้มากกว่า ทรงบอลดูดีกว่าพอสมควร ค่อย ๆ นวดเปิดเกมรุกเข้าใส่ทีมเยือน ตุรกี อย่างช้า ๆ ตามช่อง เล่นบอลรัดกุมตามสไตล์ ส่วน ตุรกี ก็ยังคงตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น ถือว่ายังไม่มีจังหวะอะไรให้ลุ้นเลย
นาที 17
อิตาลี เริ่มเร่งเครื่อง เล่นบอลเร็วขึ้นกว่าเดิม จังหวะนี้ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ได้บอลบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะจ่ายเข้ากลางไปที่หัวกระโหลก เพื่อทำชิ่ง 1-2 กับ มานูเอล โลคาเตลลี่ ได้แทงบอลคืนมาให้เจ้าตัว ได้หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วบรรจงเอี้ยวตัวปั่นด้วยขวาลูกถนัด พุ่งแรงไซด์โค้งไปที่เสาไกลขวามือ แต่บอลยังโค้งไม่พอ หลุดเสาออกไปนิดเดียว
นาที 19
อิตาลี ยังขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของตุรกี จังหวะนี้ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เซนเตอร์แบ็ค ดันสูงขึ้นมา ขอลองส่องไกลด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงหลุดเสาไกล ซ้ายมือออกไปไกล
นาที 20
ชิโร่ อิมโมบิเล่ ลากบอลโต้กลับขึ้นมาจากกลางสนาม ล็อกหลบผ่าน โอคาย โยคุสลู หลุดขึ้นมาถึงหน้าหัวกระโหลก ก่อนจะตะบันด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงไปติดบล็อกของ คักลาร์ โซยุนชู เต็ม ๆ กระเด้งออกมา ผู้เล่นอิตาลี ฟ้องจะเอาแฮนด์บอลกันใหญ่ แต่ผู้ตัดสิน ใจแข้ง ให้เล่นต่อไป ซึ่งภาพช้าจะเห็นว่าโดนแขนจริง ๆ แต่เป็นลักษณะแนบลำตัวและไม่ได้ตั้งใจ
นาที 21
อิตาลี เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ได้เตะมุมทางฝั่งขวา ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เปิดบอลโด่ง พุ่งโค้งไปที่กลางประตูเข้าทาง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ตั้งป้อมเกร็งคอได้โหม่งเน้น ๆ บอลกำลังจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี ผวาปัดข้ามคาน ออกหลังไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 22
จังหวะต่อเนื่อง อิตาลี ได้เตะมุมทางฝั่งขวา ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ เจ้าเก่า เปิดบอลโด่ง พุ่งโค้งไปที่กลางประตู แล้วเป็น โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้ถอยมาโหม่งสะบัดเหน่ง ๆ แต่โดนบอลบางไปกน่อย บอลกระดอนพื้นหลุดเสาไกลซ้ายมือออกไป
นาที 30
ผ่านมาครึ่งชั่วโมง เป็น อิตาลี ที่ยังครองบอลบุกใส่ตุรกี อยู่ฝั่งเดียวเหมือนเดิม แต่ก็ต้องชมแนวตุรกี ที่วันนี้ ยังเล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่น ป้องกันเอาไว้ได้หมด โอกาสได้จบจริง ๆ ของอิตาลี มีแค่จังหวะของ นิโคโล่ บาเรลล่า ขอลองซัดไกลด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ แต่บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปอีก
นาที 32
อิตาลี บุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ แทงบอลให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ทำชิ่งหลุดขึ้นมาถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะครอสบอลโด่งไปที่เสาสองให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้ขึ้นโขกเน้น ๆ แต่บอลก็ยังเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 36
เจ้าภาพ อิตาลี มีลุ้นเล็ก ๆ เป็นจังหวะ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ดันสูงขึ้นมาถึงกลางสนาม ก่อนจะแทงบอลไปที่หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ได้แต่งหาช่อง แล้วบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงโค้งสวย แต่ไม่หนีมือเท่าไหร่ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี ยังคงยืนตำแหน่งได้ดี เขยิบมารับไว้ได้สบาย
นาที 38
อิตาลี บุกหนัก แต่ก็ยังเจาะไม่เข้า ผู้ชมเริ่มอึดอัด ส่งเสียงเป่าปากกันไปทั่วสนาม จังหวะนี้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ อึดอัดเหมือนกัน ขอลากบอลจากกราบซ้าย ตัดเข้าในมาซัดด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 43
อิตาลี ยังคงขึงเกมรุก บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่ยังหาทางเจาะแนวรับตุรกี เข้าไปจบเน้น ๆ ยังไม่ได้เลย มีได้ลุ้นจาก ชิโร่ อิมโมบิเล่ อยู่แค่ครั้งนึง ที่หัวหอกจากลาซิโอ มีโอกาสได้ซัดบอลในกรอบเขตโทษ แต่บอลก็ยังไปตรงตัวของ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี รับไว้ได้สบาย
นาที 45+1
อิตาลี บุกขึ้นมาทางกราบซ้าย เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า หลุดขึ้นมาครอสบอลเข้าไปเขตโทษ บอลพุ่งไปโดนมือของ เซกี้ เซลิค เต็ม ๆ ผู้ตัดสิน เป่าหยุด ขอเช็ค วีเออาร์ อยู่พักนึง ก่อนจะกลับลงมา แล้วยืนยันคำตัดสินเดิม ให้เล่นต่อไป เพราะมองว่าเป็น บอลทูแฮนด์ หมด 45 นาทีแรก เสมอกัน 0-0
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าภาพ ทีมชาติ อิตาลี ที่ครองบอลเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เดินเกมรุก บุกใส่ทีมชาติ ตุรกี อยู่แทบจะฝั่งเดียว เหลือแค่จังหวะในพื้นที่สุดท้ายเท่านั้น ที่ยังทำอะไรไม่ได้ เสมอกันอยู่ 0-0 !!!
นาที 46
เริ่มต้นครึ่งหลังมา ทั้งสองทีมมีการแก้เกม เปลี่ยนตัวผู้เล่น โดย โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือ อิตาลี ถอด อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ออก แล้วส่ง โจวานนี่ ดี ลอเรนโซ่ ลงสนามมาเล่นแทน ส่วนทางด้าน เซนอล กูเนส กุนซือตุรกี ส่ง เจงกิซ อุนเดอร์ ปีกตัวจี๊ด ลงมาช่วยทำเกมรุกแทนที่ ยูซุฟ ยาซิซี่ ที่เล่นไม่ออกในครึ่งแรก ไปพักผ่อนที่ข้างสนาม
นาที 51
ตุรกี ได้ทักทายก่อนเลยในช่วงต้นครึ่งหลัง เป็นจังหวะ เจงกิซ อุนเดอร์ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมา ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว เจ้าตัวอาศัยความเร็ว กระชากหนีผู้เล่นอิตาลี เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนยิงเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ ยัดมุมแคบไปเสาแรก ทว่า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า มือกาวอัซซูรี่ ที่ยืนคุมเสาอยู่ ทิ้งตัวตะปบไว้ได้หวุดหวิด
นาที 52 GOAL!!!
อิตาลี ได้ประตูที่รอคอย ขึ้นนำ 1-0 !!! เป็นจังหวะ นิโคโล่ บาเรลล่า แทงบอลออกไปทางขวาให้ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้หลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวา ก่อนที่เจ้าตัวจะโยกหนีกองหลัง แล้วเปิดยัดเข้ากลางไปที่หน้าปากประตู บอลพุ่งไปกระแทกโดนหน้าอกของ เมรีห์ เดมิราล กองหลังตุรกี เปลี่ยนทาง เข้าประตูตัวเองไป แบบงง ๆ
นาที 54
อิตาลี เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า หลุดเข้าเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะอาศัยความแข็งแกร่ง เลี้ยงเบียดเอาชนะกองหลังตุรกี ได้ซัดเต็มข้อด้วยซ้ายยัดมุมแคบไปที่เสาแรกทันที แต่ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี ที่ยืนคุมเสาอยู่ ทุบทิ้งออกมาเข้าทาง ชิโร่ อิมโมบิเล่ ได้พยายามจะยิงซ้ำด้วยท่าจักรยานอากาศ แต่บอลก็ยังหลุดกรอบออกไป
นาที 58
เจ้าภาพ เร่งเครื่องบุกใส่ทีมเยือนตุรกีอย่างหนัก จังหวะนี้ มานูเอล โลคาเตลลี่ เลี้ยงบอลกินแดน จี้ขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะขอลองซัดด้วยขวานอกกรอบเน้น ๆ บอลพุ่งแรงกระดอนพื้น แต่ก็ไม่ห่างตัวเท่าไหร่ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี เขยิบมาปัดทิ้งออกหลัง เอาไว้ได้ทัน
นาที 66 GOAL!!!
อิตาลี มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ได้บอลหลุดมาทางขวา ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงครอสบอลเข้าไปในเขตโทษ โด่งลึกข้ามฟากไปที่เสาไกลถึง เลโอนาร์โด้ สปินาซโซล่า ได้พักอกแต่งบอลลง แล้วซัดวอลเลย์ด้วยขวาเต็ม ๆ ไปติดเซฟของ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี บอลกระดอนมาเข้าทาง ชิโร่ อิมโมบิเล่ วิ่งมาซ้ำจ่อ ๆ เข้าประตูไป อย่างง่ายดาย
นาที 75
ผ่านมาครึ่งทางของครึ่งหลัง เจ้าภาพ อิตาลี ครองบอล คุมเกม คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด เคาะบอลตามช่องไปมา เอาแน่นอน เล่นบอลรัดกุมตามสไตล์บอลอิตาลีโดยแท้ ขณะที่ ตุรกี แทบไม่มีโอกาสได้บุกขึ้นมาตอบโต้เลย
นาที 76
ตุรกี ได้โอกาสเข้าทำขึ้นมานาน ๆ ที จังหวะนี้ เคนาน คารามาน วิ่งสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ได้โหม่งบอลจากลูกโยนยาวเข้ามาจากกลางสนาม แต่เจ้าตัวโหม่งโดนไม่ดี บอลเบากระดอนพื้นและตรงตัว จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารอิตาลี รับเข้าซองไว้ได้สบาย
นาที 78 GOAL!!!
อิตาลี ได้ประตูปิดกล่องเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี เปิดบอลพลาดโดน โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ ตัดบอลได้ที่หน้าเขตโทษ ก่อนที่เจ้าตัวจะไหลบอลเข้ากลางมาที่หัวกระโหลกให้ นิโคโล่ บาเรลล่า ได้ป้ายออกซ้ายสั้น ๆ ต่อให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ รับแล้วส่งเร็วเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายถึง ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ ได้จับ แล้วเอี้ยวตัวปั่นด้วยขวาเน้น ๆ โค้งหนีมือ อูร์กูร์ชาน ซาคีร์ ผู้รักษาประตูตุรกี เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป อย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขัน ทีมชาติ อิตาลี ถล่มเอาชนะ ทีมชาติ ตุรกี ไปได้แบบสบายเท้า 3-0 !!! เขยิบมารั้งอันดับที่ 1 ของตาราง เปิดสนามไปได้อย่างสวยหรู โดยนัดต่อไปจะพบกับทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ในวันพุธที่ 16 มิถุนายน นี้ ส่วนทางด้าน ทีมชาติ ตุรกี รั้งอันดับบ๊วยของกลุ่ม นัดต่อไปจะเจอกับทีมชาติ เวลส์ ในวันที่ 16 มิถุนายน นี้เช่นกัน