Monk Comes Down The Mountain หนังบู๊กังฟูที่คิดจะดูมาตั้งหลายหนแล้วครับ แต่ก็เพิ่งสบโอกาสได้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง และพอดูแล้วก็บอกได้เลยว่าผมค่อนข้างจะออกแนวเฉยสำหรับเรื่องนี้ครับ
ตัวเอกของเรื่องคือ เหออันเซี่ย (หวังเป่าเฉียง, Baoqiang Wang) นักพรตหนุ่มที่เดินทางออกมาท่องโลกกว้าง (แบบไม่เต็มใจนัก) แล้วเขาก็ต้องพบเจอกับเรื่องราวความรักความแค้นอันแสนวุ่นวายในสังคมมนุษย์ครับ บอกคร่าวๆ ประมาณนี้แล้วกัน
จุดเด่นของหนังคือภาพสวยครับ ไม่ว่าจะภาพบ้านเมือง ภาพธรรมชาติ หรือภาพตอนตีกันถือว่าออกแบบมาสวยใช้ได้เลย บางฉากนี่เข้าข่ายชอบเลยครับ อย่างฉากใต้น้ำที่ดูสวย ดูศิลป์ และมีเสน่ห์ อันนี้ขอชมผู้กำกับภาพ Geoffrey Simpson (Fried Green Tomatoes, Little Women, Shine และ Under the Tuscan Sun) รวมถึงผู้กำกับศิลป์ Karl Tan ที่ร่วมกันเนรมิตงานภาพศิลป์ๆ สวยๆ ออกมาแบบนี้ ซึ่งพูดตรงๆ เลยก็คือ งานภาพนี่แหละครับที่พยุงให้ผมดูหนังจนจบได้
ใช่ครับ ภาพสวยดี แต่ในแง่เนื้อเรื่องแล้วหนังออกจะตำซั่วอยู่เหมือนกัน เรื่องราวมันจับฉ่ายน่ะครับ เดี๋ยวเรื่องก็เดินไปทางโน้น เดี๋ยวเรื่องก็วนมาทางนี้ สักพักเดียวไปทางนั้นอีกและ อันนี้จริงๆ ก็พอเข้าใจน่ะครับว่าหนังพยายามสื่อให้เราเห็นว่าโลกมนุษย์นี้แสนจะวุ่นวาย – รักโลภโกรธหลงเวียนวนเป็นจงกลม – โดยเฉพาะคนที่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวนี่เป็นตัวการแห่งสารพัดความวุ่นวายและก่อให้เกิดเรื่องร้ายๆ ตามมาไม่รู้จบ
ทิศทางของหนังออกจะงงๆ ครับ การเดินเรื่องไม่ค่อยเป็นเนื้อเดียว อย่างที่บอกน่ะครับ เดี๋ยวก็ไปพล็อตนั้น เดี๋ยวก็มาพล็อตนี้ หรือตัวเอกอย่างเหออันเซี่ย ทิศทางคาแรคเตอร์นี้ก็งงๆ เหมือนกัน ตอนแรกนึกว่าหนังจะถ่ายทอดให้เห็นพัฒนาการทางความคิดของอันเซี่ย ประมาณว่าตอนแรกไม่รู้ว่าอะไรคือถูกอะไรคิอผิด แล้วจากนั้นก็ค่อยให้เหตุการณ์ต่างๆ กล่อมเกลาเขาให้เป็นผู้เป็นคน แต่เอาเข้าจริงด้วยความที่หนังเดินเรื่องแบบจับฉ่าย – ซ้ายๆ ขวาๆ ขวาๆ ซ้ายๆ – มันก็เลยไม่เห็นพัฒนาการของตัวละครนี้แบบชัดๆ สักเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีอันเซี่ยก็เหมือนจะเป็นคนดีตามสูตรไปซะแล้ว
โดยส่วนตัวแล้วงานภาพ งานคิวบู๊ถือว่าโอเคครับ แต่ตัวบทนี่แหละที่บั่นทอนความสนุกให้ลดลง เดินเรื่องไม่น่าติดตาม แล้วยังออกแนวทีเล่นทีจริง บางช่วงก็ดูเหมือนจะจริงจัง บางช่วงตัวละครก็ต๊องซะ – บางช่วงเหมือนจะแฝงปรัชญา จังหวะหนังดูล้อเล่นลม แต่บางช่วงหนังก็ดันรั่วแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย – ยอมรับครับว่าเป็นการดูหนังที่ประดักประเดิดทางอารมณ์อย่างยิ่ง และรู้สึกเลยว่าตัวเองใช้ความอดทนในการดูหนังเรื่องนี้ไม่น้อยเหมือนกัน
ก็ไม่ใช่ผลงานที่น่าจดจำสักเท่าไรของ เฉินข่ายเกอครับ แอบขยี้ตารัวๆ เลยว่านี่ผลงานของคนเคยทำ Farewell My Concubine หรือนี่ – แต่กระนั้นหนังก็ยังมีช่วงที่ผมชอบนะครับ ผมชอบตอนอันเซี่ยแสดงความเคารพ+อำลาอาจารย์หมอ (Wei Fan) ที่รับเขาไว้ทำงานน่ะครับ ชอบโทนของฉากนั้นที่ดูอบอุ่น และดูจริงใจดี ถือเป็นฉากที่ Touch ทางอารมณ์สุดแล้วล่ะ
สรุปคือหนังมีดีที่ฉากสวยๆ ครับ คิวบู๊ก็นับว่าโอเค แต่มาเสียตรงการเดินเรื่องนี่แหละครับที่ทำให้หนังดูเรื่อยเปื่อยจนน่าเสียดาย
ดาวครึ่งครับ
(5.5/10)