เรื่องนี้สำหรับผมแล้ว ถือว่าเป็นหนังของ John Woo ที่ผมชอบน้อยที่สุดครับ
ในแง่ฉากแอ็กชัน จริงๆ แล้วก็ยังไว้ใจได้ ไม่ว่าจะลีลาการยิง การสโลว์ การกระตุ้นความตื่นเต้นยังถือว่าไว้ลายความเป็น John Woo ในระดับที่น่าพอใจ ดูแล้วยังตอบสนองความเร้าใจได้อยู่ แต่หนังมาเสียคะแนนไปเยอะหน่อยในส่วนของการเดินเรื่อง
พล็อตหลักจริงๆ แล้วก็คือ The Fugitive นั่นแหละครับ ตัวเอกโดนใส่ความเลยต้องหนีและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วนตำรวจก็มีหน้าที่ตามจับ แต่ก็จะมีจุดให้เริ่มเอะใจว่าตกลงพระเอกเป็นคนทำจริงๆ หรือเปล่า ก่อนที่ตอนท้ายอะไรๆ มันจะเฉลยออกมา เนี่ยครับ มันคือ The Fugitive ชัดเจนเลย
จริงๆ พล็อตซ้ำไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะถ้าปรุงดีๆ มันก็สนุกได้ แล้วถ้าบวกลีลาแอ็กชันแบบ John Woo เข้าไปด้วย แล้วล่ะก็ หนังก็จะสามารถเป็นได้ทั้งหนังสืบสวนและหนังบู๊เท่ห์ๆ
แต่ผลที่ออกมานั้น นอกจากฉากแอ็กชันที่ยังกล่าวได้ว่าทำออกมาได้มันส์ประมาณหนึ่งแล้ว ในแง่การสืบสวน ตามปม ไขปมมันไม่ได้น่าติดตามสักเท่าไร จนพูดได้ว่าการเล่าเรื่องนั้นเหมือนเล่าไปเรื่อยๆ เล่าไปอย่างนั้น แต่ไม่ได้มีกิมมิคหรือลูกเล่นมาเพิ่มความน่าสนใจ หรือถ้าพูดให้ตรงความรู้สึกหน่อย ก็คือ ฉากสืบสวนหรือฉากดราม่านั้นเหมือนจะมีไว้เพื่อคั่นสลับฉาก ระหว่างฉากแอ็กชันหนึ่งไปสู่อีกฉากแอ็กชันหนึ่งเท่านั้น
จริงๆ หนังได้ดาราแถวหน้าของแต่ละประเทศมาร่วมแสดง ตั้งแต่ จางฮั่นหยู ดาราชาวจีนในบทตู้ฉิว นักธุรกิจที่จู่ๆ ก็โดนใส่ร้ายในข้อหาคดีฆาตกรรม, Masaharu Fukuyama จากญี่ปุ่น ในบทเจ้าหน้าที่ยามุระ ที่มีหน้าที่ตามจับตัวตู้ฉิวมาลงโทษ และขณะเดียวกันก็ค่อยๆ สืบล่าหาความจริงเกี่ยวกับคดีนี้ ส่วน Ji-Won Ha นางเอกสาวเกาหลีมารับบทเรน นักฆ่าที่มาพร้อมปมบางอย่าง
ดารานั้นเล่นกันดีในแบบของตัวเองครับ แต่พอมารวมกันมันกลับดูไม่เข้ากันยังไงก็ไม่รู้ อันนำมาสู่อีกความรู้สึกหนึ่งระหว่างดู ก็คือสไตล์ของหนังนั้นมันดูกลั้วๆ กึ่มๆ น่ะครับ มันจะเป็นหนังจีนก็ไม่ค่อยใช่ จะเป็นหนังญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยเชิง หรือจะเป็นหนังเกาหลีก็ยังไม่ตรงอีกนั่นแหละ
โดยส่วนตัวผมว่าจุดนี้สำคัญนะ ว่าธงหลักของหนังมันปักไว้เป็นของประเทศไหน เช่นหนังของไทยเราพอทำออกมาก็จะดูมีความเป็นหนังไทย แม้จะไปถ่ายทำเมืองนอกเมืองนาก็ยังมีกลิ่นรสแบบไทยๆ ให้สัมผ้ส หรือหนังของเฉินหลงที่ไปถ่ายในหลายๆ ประเทศ แม้จะไปอัฟริกา, ญี่ปุ่น, อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม แต่โทนกับสไตล์หลักของหนังก็ยังรู้สึกได้ถึงธงของจีนฮ่องกงที่หนังได้ปักเป็นหลักไว้
ส่วนเรื่องนี้ไปถ่ายกันที่ญี่ปุ่นครับ โทนบางส่วนมันเลยดูจะออกแนวญี่ปุ่น แต่ขณะเดียวกันก็มีอารมณ์หนังจีนผสมลงมา ไหนจะเรื่องนักฆ่าเกาหลีอีก ระหว่างดูนี่มันรู้สึกเลยว่ารสชาติของแต่ละประเทศมันมายำรวมกัน แต่เป็นการยำที่ไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไร ดูไปเลยรู้สึกขาดๆ เกินๆ ไปตลอด
และความเห็นส่วนตัวอีกอย่างคือ ผมว่า จางฮั่นหยู กับ Masaharu Fukuyama น่าจะสลับบทกันครับ เพราะรายแรกดูแล้วเหมาะแก่การเป็นตำรวจมากกว่าเป็นนักธุรกิจ ส่วนรายหลังนี่ดูดีเหมาะแก่การใส่สูท ดูแล้วออกแนวนักธุรกิจหรือนักวิชาการมากกว่าตำรวจ นี่ก็อาจเป็นอีกจุดหนึ่งที่อดรู้สึกแปร่งๆ ไม่ได้
และด้วยความที่นี่เป็นหนัง John Woo มันก็ย่อมต้องมีกลิ่นอายมิตรภาพลูกผู้ชายเจือเข้ามาด้วย แต่ประเด็นในส่วนนี้ก็ยังไม่เข้มพอครับ เหมือนพอมีให้เห็น แต่ก็ใส่ลงมาแบบบางๆ เท่านั้น
ยอมรับว่าดูแลค่อนข้างเฉยครับในส่วนของเนื้อหา แต่ตาพอจะตื่นขึ้นมาบ้างยามที่ฉากแอ็กชันเริ่มบรรเลง
ไม่ถึงสองดาวครับ
(5.5/10)