‘คอนเต้’ ชี้นัดเจอสิงห์เป็นตัวประเมิน ‘ไก่’ ก้าวหน้าขนาดไหน

อันโตนิโอ คอนเต้ บอกกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ว่าเกมลอนดอนดาร์บี้พบกับ เชลซี ในวันอาทิตย์นี้จะเป็นบททดสอบว่าพวกเขาก้าวหน้ามากน้อยขนาดไหน

ฤดูกาลที่แล้ว “ไก่เดือยทอง” เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ตลอดทั้ง 4 เกมที่พบกัน ซึ่งรวมถึงการแพ้ 3 เกมรวดในเดือนมกราคม

นั่นหมายความว่า สเปอร์ส พลาดการเข้าชิงคาราบาว คัพและทำให้กุนซือชาวอิตาลีตั้งคำถามกับอนาคตตัวเอง แต่สุดท้ายก็ยังจบฤดูกาลได้ดีด้วยการคว้าอันดับ 4 ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

พวกเขาเสริมทัพอย่างหนักในซัมเมอร์นี้ทำให้ความคาดหวังเพิ่มขึ้น แต่พวกเขาจะเจอกับบททดสอบเมื่อเดินทางไปเยือน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในสุดสัปดาห์นี้และ คอนเต้ ก็อยากใช้นัดนี้เป็นตัวประเมินว่าทีมก้าวหน้าขนาดไหน

“สตอรี่เป็นแบบนั้นแต่เราก็อยากลองนะ ตอนผมเข้ามาคุม สเปอร์ส, ผมบอกว่าเราอยากที่จะลองเขียนเรื่องราวที่ดีๆให้กับสโมสรนี้” คอนเต้ บอก

“ผมรู้ดีเลยล่ะว่าจะเป็นเรื่องยากกว่าสโมสรอื่นเยอะมากด้วยหลายๆเหตุผล แต่ผมว่าเราเริ่มก้าวไปอย่างถูกทางแล้วล่ะ”

“สำหรับวันอาทิตย์นี้จะเป็นเกมที่ยากแต่เราอยากลงสนามในเกมนี้, ผมอยากคุมทีมลงเล่นนัดนี้และนักเตะของผมก็อยากลงเล่นเกมนี้ เกมนี้จะเป็นเกมสำคัญสำหรับการประเมินความก้าวหน้าของเราได้อย่างถูกต้อง”

“ผมคิดว่าเกมนี้จะเป็นเกมสำคัญมากกับเราไม่ว่าจะชนะ, แพ้หรือเสมอ จากนั้นเราก็ต้องประเมินทีมให้อย่างถูกต้อง”

“คุณอาจโชคดีและคว้าชัยชนะได้ หรือคุณอาจโชคร้ายและแพ้ ดังนั้นหลังเกมเราต้องประเมินอย่างเหมาะสมจากฟอร์มการเล่น, แนวทางที่เราเล่นและรู้สึกถึงความก้าวหน้าหรือไม่”

“ฤดูกาลที่แล้วเราเล่นไป 3 เกมหลังผมเข้ามาได้เพียง 2 เดือน ตอนนี้เราร่วมงานกันมา 7 เดือนบวกอีกเดือนในช่วงปรีซีซั่น เราทำงานของเราและทีมก็ดีขึ้น”

“คุณเห็นได้จากเกมแรกของฤดูกาลซึ่งเรามีนักเตะชุดเดียวกับเมื่อซีซั่นก่อน เราดีกว่าฤดูกาลที่แล้วแน่นอนและผมขอย้ำว่าเพราะในทีมมีนักเตะหลายคนที่ไว้วางใจได้มากกว่าเมื่อฤดูกาลก่อน”

“ผมว่าคุณภาพของเราดีขึ้นเพราะพอคุณลงสนามทุกๆ 3 วัน, คุณต้องโรเตชั่นนักเตะแต่ถ้าคุณภาพไม่ดร็อปไปเพราะโรเตชั่น, คุณก็ยิ่งใกล้เคียงความสำเร็จมากยิ่งขึ้น”

“ผมว่า สเปอร์ส ต้องทำแบบนี้ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติ เราคงโง่เขลาหากไม่ทำแบบนี้และสโมสรก็ทราบดี”

“เมื่อเดือนพฤศจิกายนน่ะเรามีปัญหาในหลายๆด้าน แล้วหลังจากทำงานมา 7 เดือน, เราเซ็นนักเตะเพิ่มขึ้น, ผมเห็นพลังบวกจากสภาพแวดล้อมในทีมและในกระบวนการ แต่ก็มีอยู่ทางเดียวนะและนั่นคือการทุ่มเทเพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น”