เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพมักกะโรนี ทีมชาติอิตาลี เปิดสนาม สตาดิโอ โอลิมปิโก้, กรุงโรม ประเทศอิตาลี ต้อนรับการมาเยือนของทัพแกนนาฬิกา ทีมชาติสวิสเซอร์แลนด์ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม ซี นัดที่ 7 เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย นิโคโล่ บาเรลล่า มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม เฟเดริโก้ เคียซ่า ปีกจอมลากเลื้อย และ อันเดรีย เบล็อตติ ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มูรัต ยาคิน มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย เดนิส ซากาเรีย กองกลางห้องเครื่อง เซอร์ดาน ชากิรี่ เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม และ โนอา โอกาฟอร์ ศูนย์ตัวจบสกอร์ของทีม
นาที 1
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ เซอร์ดาน ชากิรี่ กระชากพาบอลขึ้นมาเองจากกลางสนามถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจส่องไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรง เหินข้ามคานออกไปไกล
นาที 11 GOAL!!!
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ บุกมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว โนอา โอกาฟอร์ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวลากตัดเข้าเขตโทษโยกหาช่อง ก่อนจะตบเลียดย้อนไปที่หน้าหัวกระโหลกให้ ซิลวาน วิดแมร์ วิ่งสอดมากดด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดผ่านมือของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบคานเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 14
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ รูเบน วาร์กัส จ่ายบอลย้อนมาที่หน้าเขตโทษตรงกลางให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ ดึงจังหวะทำชิ่ง 1-2 ส่งคืนเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้เจ้าตัว ได้หลุดไปปาดเลียดเข้าไปที่หน้าประตู แนวรับอิตาลีตามลงมาจิ้มสกัดบอลผิดเหลี่ยม กระเด้งเกือบพลาดทำเข้าประตูตนเองแค่นิดเดียว
นาที 15
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ สวนกลับขึ้นมาอีกครั้ง จังหวะนี้ เซอร์ดาน ชากิรี่ ป้ายออกขวาให้ โนอา โอกาฟอร์ ลากจี้ขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะโยกเข้าเหลี่ยมแล้วบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย ลอยเฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
นาที 18
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ โนอา โอกาฟอร์ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะล็อคหาช่องแล้วไหลย้อนมาที่หน้าเขตโทษให้ เซอร์ดาน ชากิรี่ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ บอลพุ่งแรงน่ากลัวทว่ายังไม่เข้าเป้า ลอยเหินข้ามคานออกไป
นาที 22
โอกาสครั้งแรกของทางเจ้าถิ่น อิตาลี เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ เอแมร์ซอน ดันสูงขึ้นมาพลิ้วหลบแบ็คคู่แข่งหลุดขึ้นมาทางกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวตวัดมาที่กลางประตูให้ จอร์จินโญ่ วิ่งมาซัดเต็ม ๆ ติดบล็อกแล้วกระเด้งมาเข้าทาง นิโกโล่ บาเรลล่า ที่หน้าเสาไกลขวามือ ได้ซ้ำเน้น ๆ ทว่าเป็น ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ทิ้งตัวใช้เท้าสกัดออกหลังไปได้ทันหวุดหวิด
นาที 24
เจ้าถิ่น อิตาลี เริ่มกลับเข้าสู่เกม จังหวะนี้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ได้บอลหลุดขึ้นมาทางซ้าย เจ้าตัวโชว์พลิ้วโยกตัดเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่แข้งม้าลายจะจัดการปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงแต่โค้งไม่พอ ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน พุ่งไปคว้าติดมือได้สบาย
นาที 32
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย เซอร์ดาน ชากิรี่ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น ฟาเบียน แชร์ ได้เทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ ส่งบอลตรงกรอบแต่ยังไม่มุมมากพอเท่าไหร่ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาพุ่งตัวไปตะครุบเอาได้ทันอย่างยอดเยี่ยม
นาที 36 GOAL!!!
เจ้าถิ่น อิตาลี มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบทางฝั่งซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ บรรจงเปิดบอลปั่นโค้งเข้าไปที่หน้าประตู แล้วเป็น โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ วิ่งโฉบตัดหน้า ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ได้โขกเหน่ง ๆ สวนเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม ผู้ตัดสินเช็ค วีเออาร์ เพื่อความชัวร์ สุดท้ายยืนยันให้เป็นสกอร์ของทัพอัซซูรี่
นาที 44
ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ได้ฟรีคิกนอกกรอบฝั่งซ้าย เซอร์ดาน ชากิรี่ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ โนอา โอกาฟอร์ ได้เทคตัวขึ้นโขกเน้น ๆ คนเดียว แต่โดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บอลตกพื้นโดนกองหลังเจ้าถิ่นหวดสกัดทิ้งออกมา
หมดเวลาการแข่งขัน ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันอย่างสนุก เป็นเจ้าถิ่น อิตาลี ที่ครองบอลได้เยอะกว่าถึง 60-40 เปอร์เซ็นต์ ทว่ากลับเป็นทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ที่ทำเกมรุก โหมบุกได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สกอร์ตอนนี้ เสมอกันอยู่ที่ 1-1 !!!
นาที 54
เริ่มครึ่งหลังมา เกมยังคงบุกแลกกันอย่างสนุกเหมือนเดิม จังหวะนี้ทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ได้ลุ้นก่อน เมื่อ เดนิส ซากาเรีย รับบอลมาที่หน้าเขตโทษตรงกลาง เจ้าตัวมองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจซัดเองเน้น ๆ ด้วยขวานอกกรอบ ทว่าบอลน้ำหนักเบา แถมยังไม่เข้าเป้า กระดอนหลุดเสาซ้ายมือออกไป
นาที 66
เกมครึ่งหลังดำเนินมาเกินครึ่งทาง เจ้าถิ่น อิตาลี ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จากจังหวะ โดมินิคโก้ เบร์ราดี้ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โชว์ทักษะเลี้ยงหลอกแข้งทีมเยือน ก่อนหยอดเข้าไปที่กลางเขตโทษกำลังจะเข้าหัวเพื่อนได้ชาร์จโล่ง ๆ อยู่แล้ว ทว่าเป็น แนวรับสวิสเซอร์แลนด์ เทคตัวขึ้นโหม่งโหน ๆ สุดเหยียด ส่งบอลออกหลังไป เสียเป็นเตะมุม
นาที 68
เจ้าถิ่น อิตาลี พยายามตั้งเกมบุกขึ้นมา จังหวะนี้ เตะมุมโดนเคลียร์มาเข้าทาง เอแมร์ซอน เติมสูงมาเก็บบอลได้ในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจส่องเองด้วยซ้ายเต็ม ๆ แต่บอลยังแรง เหินข้ามคาน ลอยหลุดออกหลังไป อย่างน่าเสียดาย
นาที 71
เจ้าถิ่น อิตาลี ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ เอแมร์ซอน ดันสูงขึ้นมารับบอลทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดบอลเลียดเข้าไปที่หน้าประตูให้ ซานโดร โตนาลี่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้สอดมาจับบอลแต่ไม่ยอมยิงเลือกจ่ายไปถูก ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน พุ่งออกมาตัดบอล คว้าโอกาสทองของแข้งเจ้าถิ่นไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 72
เจ้าถิ่น อิตาลี ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา โดมินิคโก้ เบร์ราดี้ เปิดบอลโด่งโค้งสวย ลึกเลยไปที่เสาไกล แล้วเป็น ซานโดร โตนาลี่ ได้ขึ้นโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งเข้าหน้าต่างข้างตาข่าย หลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย
นาที 76
เจ้าถิ่น อิตาลี โหมบุกหวังเอาประตูขึ้นนำอย่างหนัก จังหวะนี้ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย โดมินิคโก้ เบร์ราดี้ เล่นลูกสูตรจ่ายสั้นให้ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้ลากตัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะปั่นด้วยด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบ มานูเอล อาคานยี่ เปลี่ยนทางเกือบปลิ้นเข้าประตู ทว่าเป็น ยันน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยังคงเหนียวหนึบ ผวาทิ้งตัวปัดช่วยทีมเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด อีกครั้งหนึ่ง
นาที 84
เจ้าถิ่น อิตาลี ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ เฟเดริโก้ เคียซ่า รับบอลมาที่หน้ากรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวลากจี้เข้าหาตัวประกบตามสไตล์ ก่อนจะโยกเข้ากลางมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่มุดช้าเกินไปหน่อย สุดท้ายเหินข้ามคาน ลอยหลุดออกหลังไป ไม่ได้ลุ้นอะไร
นาที 90 จุดโทษ!!!
ช่วงท้ายเกม เจ้าถิ่น อิตาลี พลาดโอกาสทองที่จะคว้าสามคะแนน เป็นจังหวะ อูลิสเซส การ์เซีย แนวรับตัวสำรองของทีมเยือน ทำฟาล์วกระแทกใส่ โดมินิคโก้ เบร์ราดี้ ล้มลงไปในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพอัซซูรี่ทันที ก่อนจะเช็ค VAR แล้วยืนยันคำเดิม แล้วเป็น จอร์จินโญ่ รับหน้าที่สังหาร ทว่าดันซัดพลาด ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปเองอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
หมดเวลาการแข่งขัน เจ้าถิ่น อิตาลี เปิดบ้านเสมอกับทีมเยือน สวิสเซอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 1-1 !!! รั้งอันดับที่ 1 ของตารางคะแนนอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปนัดสุดท้าย ทัพอัซซูรี่จะต้องออกไปเยือน ไอร์แลนด์เหนือ ในคืนวันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านสวิสเซอร์แลนด์ รั้งอันดับที่ 2 ของกลุ่ม นัดต่อไปจะเล่นในบ้านพบกับบัลแกเรีย ในวันเวลาเดียวกัน