ซีเย็คซัดโทน! ช่วย “เชลซี” จมเรือใบ 1-0 ผ่านเข้ารอบชิงเอฟเอ

เกมการแข่งขัน ระหว่างทีมสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี พบกับทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบรองชนะเลิศ โดยเล่นกันในสนาม เวมบลีย์ สเตเดี้ยม (สนามกลาง)

เกมนี้ เชลซี มาเล่นในระบบ 3-4-2-1 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางพลังไดนาโม เมสัน เมาน์ท มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมทีมชาติอังกฤษ และ ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าค่าตัวแพงทีมชาติเยอรมัน ขณะที่ทางฝั่งทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย แฟร์นันดินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับประสบการณ์สูง เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์จอมแอสซิสต์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ

นาที 5

เริ่มเกมมาแปปเดียว เชลซี ก็มีโอกาสส่งบอลเข้าไปอยู่ในก้นตาข่ายก่อนเลย เป็นจังหวะ เบน ชิลเวลล์ เติมสูงขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย กระดกบอลต่อให้ ติโม แวร์เนอร์ สปีดวิ่งไปเอาบอลเกือบสุดเส้นหลัง ดึงจังหวะรอเพื่อนนิดนึง ก่อนจะไหลย้อนมาตรงกลางประตูให้ ฮาคิม ซีเย็ค ได้วิ่งมาแปสวนตัว แซ็ค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตูแมนซิตี้ เข้าประตูไปง่าย ๆ แต่ทว่า ผู้ช่วยผู้ตัดสิน ยกธงล้ำหน้าให้เป็นจังหวะล้ำหน้าของแวร์เนอร์ก่อนแล้ว

นาที 10

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาทางซ้าย กาเบรียล เชซุส วิ่งเบียดเอาชนะ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า หลุดไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ดึงจังหวะเลี้ยงวนกลับหลังมา ก่อนจะไหลย้อนกลับหลังเพื่อทำชิ่ง 1-2 กับ เควิน เดอ บรอยน์ แทงบอลบอลคืนให้เจ้าตัวหลุดเข้าเขตโทษบริเวณหน้าเสาแรกฝั่งซ้าย ลากแต่งบอลนิดนึง แล้วปั่นด้วยขวาหวังจะให้เข้าที่เสาไกล แต่บอลฉีกไม่พอ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูเชลซี ตัดบอลรับเข้ามือไว้ได้ทัน

นาที 19

เชลซี ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และมีโอกาสได้จบอีกครั้ง เป็นจังหวะ รีซ เจมส์ เติมสูงขึ้นมาเอาบอลทางฝั่งขวา มีเวลาเงยหน้ามองแล้วบรรจงครอสบอลโค้ง ลึกไปที่เสาไกลให้ เบน ชิลเวลล์ ที่เติมสูงหุบขึ้นมาเช่นกัน ได้วางเท้ายิงเร็วทันที แต่โดนบอลไม่ดี บอลไต่หลังเท้าปลิ้นหลุดกรอบออกไปแบบน่าผิดหวังสุด ๆ

นาที 30

ครึ่งชั่วโมงผ่าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มกลับมาครองบอลได้บ้างแล้ว แต่ยังหาโอกาสเจาะเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายของ เชลซี ยังไม่ได้เลย ทั้งสองทีมเล่นกันค่อนข้างรัดกุม ยังไม่เปิดเกมแลกกันมากนัก

นาที 34

เชลซี ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เมสัน เมาน์ท เปิดลึกมาที่เสาไกล บอลชุลมุนแย่งกันโหม่ง สุดท้ายบอลมาตกที่ เบน ชิลเวลล์ เจ้าตัวหันหลังให้ประตู เลยไหลมาหน้ากรอบเขตโทษให้ รีซ เจมส์ วิ่งเข้ามาปั่นด้วยขวาจังหวะเดียว แต่บอลหลุดกรอบออกไปไกล

นาที 45

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสลุ้นทำประตู เป็นจังหวะต่อเนื่องจากได้เตะมุมทางฝั่งขวา เควิน เดอ บรอยน์ เปิดเข้ามาตรงกลาง แล้วโดนโหม่งเคลียร์สกัดออกมา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เก็บบอลได้ที่มุมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะโยนโค้งด้วยขวากลับเข้าไปที่กลางประตูอีกครั้ง และเป็น แฟร์นันดินโญ่ โฉบมาโหม่งสะบัดเฉือน ๆ แต่บอลก็ยังหลุดเสาไกลขวามือออกไปนิดเดียว

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีม เล่นกันอย่างรัดกุม เกมยังไม่เปิดแลกกันมากนัก โดยที่ เชลซี ดูดีกว่านิดๆในเรื่องของรูปเกม สุดท้ายสกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!

นาที 47

เริ่มครึ่งหลังมาแปปเดียว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญที่สุดของทีม ที่บาดเจ็บออกจากสนามไป เป็นจังหวะ เควิน เดอ บรอยน์ แย่งบอลอยู่กับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แล้วเหมือนเจ้าตัวกล้ามเนื้อกระตุกเล่นต่อไม่ไหว โดย เป็ป กวาดิโอล่า เปลี่ยนให้ ฟิล โฟเด้น ลงมาเล่นแทน เสียหายสุด ๆงานนี้ สำหรับแมนซิตี้

นาที 55 GOAL!!!

สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้สวนกลับเร็วขึ้นมาทางกราบซ้าย จอร์จินโญ่ แทงบอลเร็วทะลุช่องให้ ติโม แวร์เนอร์ หลุดทะลุขึ้นไปทางซ้าย กระชากเข้าเขตโทษ แซ็ค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตูแมนซิตี้ ตัดสินใจวิ่งออกมาขวาง แต่แวร์เนอร์เลือกปาดเลียดมากลางประตูให้ ฮาคิม ซีเย็ค ได้ล้มตัวตวัดบอลด้วยซ้ายโล่ง ๆ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

นาที 58

เชลซี เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ สวนกลับเร็วขึ้นมาทางกราบซ้ายอีกแล้ว เบน ชิลเวลล์ โยนยาวจากตรงกลางสนาม บอลข้ามแนวรับพุ่งโค้งสวยไปที่หน้าประตู รูเบน ดิอาส พยายามหวดสกัดแต่ไม่ถึงบอล ฮาคิม ซีเย็ค วิ่งหน้าตั้งขึ้นมาเอาบอลลง ได้ดวลเดี่ยวกับนายทวารตรงบริเวณจุดโทษ แล้วยิงเร็วด้วยซ้ายทันที แต่ แซ็ค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตูแมนซิตี้ โชว์ซุปเปอร์เซฟ วิ่งออกมาปิดมุมได้ไว เอาตัวขวางบอลไว้ได้หวุดหวิด

นาที 68

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เตะมุมทางฝั่งขวา ฟิล โฟเด้น เปิดบอลโด่งไปที่เสาไกลให้ โรดรี้ ได้โหม่งตั้งย้อนกลับเข้ามาตรงกลางให้ รูเบน ดิอาส ได้โหม่งจ่อ ๆ ที่หน้าประตู แต่เจ้าตัวกดไม่ลง บอลเหินเฉียดคานไปนิดเดียว

นาที 77

เชลซี โต้กลับเร็วได้น่ากลัวจริง ๆวันนี้ บอลมาถึง ติโม แวร์เนอร์ ใช้ความเร็วกระชากพาบอลขึ้นมาเองจากครึ่งสนาม ทะลุเข้าไปถึงในเขตโทษฝั่งซ้าย แต่จังหวะสุดท้ายตกม้าตาย ยิงด้วยซ้ายอย่างเบา แซ็ค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตูแมนซิตี้ รับสบาย

นาที 82

ท้ายเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกหนักหวังตีเสมอให้ได้ ขณะที่ เชลซี ก็ถอยไปตั้งรับ รอสวนกลับสวย ๆอยู่เหมือนกัน จังหวะนี้ โรดรี้ ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษของเชลซี ก่อนจะลองกดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ บอลแรงแต่ไม่หนีตัว เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูเชลซี รับเข้าซองไว้ได้ทัน

นาที 84

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกหนักขึ้นมาทางกราบซ้าย ชูเอา คันเซโล่ เติมสูงขึ้นมา ตักบอลเข้าไปในเขตโทษให้ กาเบรียล เชซุส สปีดเกี่ยวบอลลงได้สุดเส้นหลัง แต่ไม่มีมุมยิงแล้ว เจ้าตัวดึงจังหวะนิดนึง ก่อนจะไหลย้อนมาหน้ากรอบเขตโทษให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งเหินข้ามคานออกไป แบบไม่ได้ลุ้นเลย

นาที 90+2

เชลซี เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เอแมร์ซอน โหม่งบอลเร็วต่อไปให้ คริสเตียน พูลิซิช หลุดไปทางซ้าย เจ้าตัวกระชากตัดเข้ากลางถึงหน้าเขตโทษ แล้วยิงหักข้อด้วยขวาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แต่ผู้ตัดสินเป่าย้อนให้เป็นล้ำหน้าของเจ้าตัวเสียก่อน น่าเสียดายจริง ๆ จังหวะนี้

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี เฉือนเอาชนะเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้สำเร็จ 1-0 !!! ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปรอเจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ หรือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่จะเตะกันในวันจันทร์นี้

ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงลูกหนังได้ที่ ข่าวฟุตบอลอัพเดททุกวัน