ตี๋เหรินเจี๋ย ปริศนาดวงตาสวรรค์ ฉบับนี้ได้ เฉินเจี้ยนเฟิง (Sammul Chan) มารับบทเป็นเหล่าตี๋ครับ รายนี้ก็ถือว่ามีชื่อพอตัวกับบทนำมาหนังจีนชุดอย่างเทพประยุทธ์พิชิตฟ้าที่ทำออกมาตั้ง 2 ภาค
คราวนี้ตี๋๊เหรินเจี๋ยเจอกับคดีฆาตกรรมในเมืองหลวงอีกเช่นเคย มีขุนนางเสียชีวิตไปมากมายจนเหล่าตี๋ที่ตอนนั้นกำลังติดคุกอยู่ ได้รับพระบัญชาให้ออกมาสืบคดี โดยมีชุยจิน ขุนนางหอต้าหลี่คอยประกบอยู่ตลอด
สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือหนังดูทุนไม่สูงนักครับ ในใจคือมองว่าเป็นหนังเกรดบีค่อนไปทางซีเลยก็ว่าได้ ฉากค่อนข้างดูเป็นฉาก และที่หนักใจมากคือ CG ครับ ไม่เนียนอย่างแรง อย่างหอที่เหล่าตี๋ต้องไปพำนักระหว่างสืบคดีนั้นดูราวกับเอาของเล่นไปวางไว้กลางฉาก ยิ่งตอนขึ้นลิฟต์ในหอนี่ ฉากหลังตรงกำแพงเห็นเป็นภาพแตกๆ แบบชัดเจน คือเป็นอะไรที่ดูปลอมจนสะดุดตา
แล้วหลายๆ ฉากดูไปก็สัมผัสได้ถึงความไม่สมจริง อย่างตอนต้นที่ชุยจินพาทหารไปค้นตามสถานที่ต่างๆ มีอยู่ฉากหนึ่งมันจะมีกับดักธนูครับ ประมาณว่าหากเดินเข้าใกล้อาคารก็จะมีธนูยิงใส่ ซึ่งท่านชุยก็บุกทะลวงเข้าไป โดยให้เหล่าทหารรออยู่ด้านหลัง ระหว่างทางท่านชุยก็หลบลูกธนูที่พุ่งเข้ามา โอเคอันนี้เข้าใจว่าพี่เขามีวรยุทธ์เลยหลบได้ ไม่โดน อันนี้เข้าใจได้
แต่ทว่าทหารกองหลังที่ยืนรอการฝ่าด่านของท่านชุยน่ะ กล้องจับภาพไปกี่ทีก็ยืนอยู่ที่เดิมครับ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตำแหน่งที่พวกพี่เขายืนน่ะคือตำแหน่งที่ลูกธนูที่ท่านชุยหลบได้น่ะ มันต้องพุ่งไปหา ถ้ามองตามความจริงพวกพี่เขาก็ควรหลบจริงไหมครับ ไม่หลบมันก็โดนธนูน่ะสิ แต่นี่ตัดภาพไปกี่ทีก็ยืนกันที่เดิม แล้วก็ไม่มีธนูใดๆ พุ่งไปหาเลย ราวกับพอธนูพุ่งผ่านท่านชุยไปแล้ว มันก็อันตรธานหายไปอย่างนั้นแหละ
แทบอยากเดินเข้าไปถามว่าพี่ไม่เห็นธนูกันหรือไง เนี่ย มันทิ่มเข้าตาผมไปหลายดอกแล้วเนี่ย
ทีนี้ในส่วนของคดีก็บอกได้เลยว่าการสืบค่อนข้างอืดช้า เหล่าตี๋ไม่ใคร่จะได้โชว์สกิล ส่วนหนึ่งเพราะบทกำหนดให้เหล่าตี๋ห้ามออกจากหอ (เพราะยังถือว่าเป็นนักโทษอยู่) การสืบคดีของพี่เขาเลยต้องสืบโดยการให้คนมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง แล้วก็วิเคราะห์ไปเรื่อยๆ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้อะไรๆ มันดูเชื่องช้า การสืบคดีดูไม่คืบเท่าไร
หนังมาขมวดปมเอาตอนครึ่งชั่วโมงท้ายครับ (หนังยาวประมาณชั่วโมงครึ่ง) ซึ่งก็ทำให้หนังดูมีอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ก็ค่อนข้างช้าไปหน่อยแล้ว
โดยรวมคือภาคนี้ค่อนข้างเรื่อยครับ ความน่าติดตามไม่เยอะ งานสร้างก็ไม่น่าจดจำ ถ้าจะมีอะไรให้ผมจำได้ล่ะก็คงเป็นพวกกำแพงในห้องของเหล่าตี๋น่ะครับ มันเป็นกำแพงที่มีกลไก (คล้ายๆ กำแพงเวทย์มนต์ที่พลิกได้ ตอนที่แฮกริดพาแฮร์รี่เข้าตรอกไดอาก้อนครั้งแรกน่ะครับ) จะว่าไปก็ดูน่าสนใจอยู่ แต่ก็ไม่มีบทบาทอะไรมากไปกว่าการเป็นของประกอบฉากเท่านั้นเอง… แต่ยอมรับว่าบางห้วงแอบคิดถึงกล่องรูบิค Hellraiser อยู่เหมือน – แอบเสียวๆ ไม่รู้ว่าพี่พินเฮดจะเดินออกมาเมื่อไหร่ 555
สรุปว่าไม่ใช่ตี๋เหรินเจี๋ยที่น่าจดจำสักเท่าไรครับ
ดาวครึ่งครับ
(5/10)