ถ้านับจากวันนี้เหลืออีกราว 4 วันที่ “เร้ดอาร์มี่” จะได้ยลโฉม คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ในชุด “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด ในเกมประเดิมเปิดตัวรอบ 2 พบ นิวคาสเซิ่ล ที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ในวันเสาร์นี้
ตลอดอาชีพการค้าแข้งนี่คือ debut ที่ 5 ของ “โด้” โดยหลังจากพ้นเดือนกันยายนเป็นต้นไปงานหินจะเรียงคิวทดสอบกัปตันทีมชาติ โปรตุเกส แบบไม่ให้หยุดพักหายใจ
หลังพบ “สาลิกา” ทีมที่ยังไม่ชนะใครจากนั้นจะได้ยืดเส้นยืดสายกับ ยัง บอยส์ ในเวที แชมเปี้ยนส์ลีกก่อนเจอทีมมาแรงในซีซั่นนี้อย่าง เวสต์แฮม ในวันที่ 19 กันยายน
แม้การเจอทีมของ เดวิด มอยส์ จะไม่ใช่งานง่ายแต่แนวรับ “ขุนค้อน” แอบรั่วโดนไป 5 ลูกจาก 3 เกมแรกทำให้เหล่าขุนพลแข้งทอง ยูไนเต็ด พร้อมลงโทษได้ทุกเวลา
หมดจากนัดนี้ แมนฯยูฯ จะส่งชุดผสมลงหวดกับ เวสต์แฮม อีกหนในศึก คาราบาว คัพ ต่อด้วย แอสตัน วิลล่า และ บีญาร์เรอัล ก่อนเจอของแข็งอย่าง เอฟเวอร์ตัน ที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ในวันที่ 2 ตุลาคม
ในเดือนตุลามจะมีเบรกทีมชาติอีกรอบและหลังจากนั้น 16 ตุลาคม “ปีศาจแดง” มีคิวยกพลไปเยือน เลสเตอร์ และกลับมาเฝ้าบ้าน 2 นัดติดพบ อตาลันต้า และ ลิเวอร์พูล ในระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 4 วัน
ทันทีที่ทำศึก แดงเดือด กับ “หงส์แดง” เสร็จก็ระเบิดความมันกับ สเปอร์ส ต่อก่อนวนลูปเจอ อตาลันต้า อีกรอบและของจริงของหนักกับเพื่อนบ้านน่าคำราญอย่าง แมนฯซิตี้ ต่อในสุดสัปดาห์ทันที
CR7 ถูกตั้งความหวังจาก “เร้ดอาร์มี่” ไว้มากพอสมควรดังนั้นเดือนนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งในการออกสตาร์ตเพื่อเรียกความมั่นใจให้ตัวเองและแฟนบอล
วันนี้เราพาไปดูกันว่าปกติแล้ว โรนัลโด้ ออกสต๊าร์ตกับทีมใหม่ตั้งแต่เริ่มค้าแข้งเป็นอยา่งไรกันบ้าง
สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (2002-2003)
สโมสรอาชีพแรกของ “โด้” ที่บอกเลยว่าใช้เวลาไม่นานก็สร้างชื่อได้อย่างรวดเร็ว
โรนัลโด้ ขยับขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 16 ปีและ 1 ปีให้หลังก็โชว์ของทันทีในเกม debut ชนะ บราก้า 4-2
“โด้จิ๋ว” ได้ลงเล่นตัวจริงหนแรกในเกมที่พบกับ มอเรเรนเซ่ และเจ้าตัวไม่มีวันลืมหลังยิงไป 2 พา ลิสบอน ขยี้สบายๆ 3-0
อีก 2 สัปดาห์ต่อมา โรนัลโด้ ซัดประตูชัยในนาที 88 เบียดเฮ เบาวิสต้า แต่ด้วยความร้อนแรงนี้จู่ๆก็มอดเพราะเจ้าตัวยิงไม่ได้อีกเลยจนกระทั่งจบฤดูกาล พร้อมสถิติในปีนั้น 5 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์
แมนฯยูฯ (2003-04)
ภายหลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มือไวเบียดทั้ง อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ซิว โรนัลโด้ ร่วมทัพ “ปีศาจแดง” ก็จับลงเล่นทีมชุดใหญ่ทันที
เร้ดอาร์มี่ ตื่นตาตื่นใจกับลีลาการเล่นแบบ “เอ็นเตอร์เทน” ด้วยลีลาสับขาหลอกที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร
อย่างไรก็ตาม CR7 ใช้เวลานานถึง 9 เกมก่อนจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในเกมที่ยิง 1 จ่าย 1 ต้อน ปอร์ทสมัธ 3-0
โรนัลโด้ ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่และประเทศใหม่ได้รวดเร็วเกินคาดและยิ่งฤดูกาลนี้เตะกันไปเรื่อยๆเจ้าหนูวัย 18 ปีก็ยิ่งเล่นดีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะใน เอฟเอ คัพ ที่ยิง 2 จ่าย 4
1 ในประตูที่ว่าเกิดขึ้นในรอบชิงนัดที่ ยูไนเต็ด กดยับ 3-0 ก่อนที่ซีซั่นนั้นจะรูดม่านลงอย่างสวยหรูด้วยสถิติทุกรายการ 6 ประตูกับ 9 แอสซิสต์
แม้ซีซั่นนั้น “ปีศาจแดง” จะไม่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่ท้ายที่สุด โรนัลโด้ คว้าแชมป์ลีก 3 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก, ลีก คัพ 2 สมัย, คอมมูนิตี้ ชิลด์, ฟีฟ่า เวิร์ลด คัพ กับทีมรัก
เรอัล มาดริด (2009-10)
ความคาดหวังในตัว CR7 (ฤดูกาลแรกในเบอร์ 9) สูงลิบฟ้าเมื่อเจ้าตัวเป็น “กาลาติกอส” รายล่าสุดในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว หลัง เรอัล มาดริด ยอมควักเงิน 80 ล้านปอนด์อันเป็นสถิติโลกในขณะนั้น
และเป็นอีกครั้งที่ โรนัลโด้ ไม่ต้องใช้เวลานานหลังยิง 5 ประตูใน 4 เกมแรกก่อนที่ “ราชันชุดขาว” จะออกตัวแรงใน ลา ลีกาซิวชัย 5 นัดรวด
อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บข้อเท้าทำให้ “โด้” ต้องหายหน้าหายตาไปพักนึงและในช่วงนั้นเองที่ มาดริด ถึงกับแพ้เป็นนัดแรกในฤดูกาลเลยทีเดียว
โรนัลโด้ ยิงประตูไม่ได้ติดต่อกันเต็มที่แค่ 3 นัดในซีซั่นนั้นก่อนจบลงที่ 26 ประตูใน ลา ลีกา
ส่วนเวที แชมเปี้ยนส์ลีก ร้อนเป็นไฟเมื่อแข้ง โปรตุกีส ในวัย 24 ปียิงไป 7 ประตูและถ้านับทุกรายการทำไปทั้งสิ้น 11 แอสซิสต์
แม้ โรนัลโด้ จบฤดูกาลกับ เรอัล มาดริด โดยไม่มีแชมป์ติดไม้ติดมือซักรายการแต่ฤดูกาล 2009-10 ถือเป็นการยิงประตูในซีซั่น debut ที่มากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกๆทีมที่เขาค้าแข้ง
ยูเวนตุส (2018-19)
ไม่มีประตูในเกม debut ในเวที เซรีย์ อา ของ CR7 ในปี 2018 แถมยังต้องรอถึง 4 นัดกว่าจะส่งบอลสู่ก้นตาข่าย (2 ลูก) ในเกมพบ ซัสซูโอโล่
เป็น 2 ประตูสุดสำคัญเพราะกลายเป็น โรนัลโด้ ที่ช่วยให้ทีมคว้าชัยแบบหวุดหวิด 2-1
ตลอด 10 เกมแรก “โด้” จัดไป 7 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์จน “ไอ้ม้าลาย” ถึงกับนอนมากับ สคูเด็ตโต้ ที่ไร้คู่แข่ง
ยูเว่ มาแพ้เกมแรกก็ปาเข้าไปเดือนมีนาคมและตลอดซีซั่นนั้นแพ้ไปแค่ 3 เกมเท่านั้น
โรนัลโด้ ปิดฉากปีแรกอันสวยในดินแดนมะกะโรนีด้วยสถิติยิง 21 ประตูใน กัลโช่และ 28 ประตูในทุกรายการรวมถึง 11 แอสซิสต์อีกด้วย
ยูเวนตุส คว้ากัลโช่ และ ซูเปอร์โคปป้า อิตาเลียน่าแต่ก็วืด โคปป้า อิตาเลีย ส่วน แชมเปี้ยนส์ลีกไปไกลแค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น