บังโมร้อนแรงต่อเนื่อง!!! ซัดเบิ้ลช่วย “ลิเวอร์พูล” บุกมาเฉือนเอาชนะ “แอต.มาดริด” สิบตัว ไปได้แบบสุดมันส์ 3-2

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด (สเปน) เปิดสนาม ว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่, กรุงมาดริด ประเทศสเปน ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป บี นัดที่ 3 เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ มาเล่นในระบบ 3-5-2 นำทีมโดย โกเก้ กองกลางห้องเครื่อง ยานนิค การ์ราสโก้ ปีกตัวจี๊ดริมเส้น และ อ็องตวน กรีซมันน์ ดาวยิงตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้ากึ่งปีกตัวจี๊ด และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ศูนย์หน้าฟอลส์ไนน์ตัวเชื่อมเกมของทีม

นาที 8 GOAL!!!

เริ่มเกมมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บตกบอลได้ทางริมกรอบเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวพลิ้วหนีนักเตะเจ้าถิ่น 3 คน ตัดเข้าในมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะตะบันด้วยซ้ายหักข้อเน้น ๆ ข้างถนัด ส่งบอลพุ่งไปแฉลบ เจมส์ มิลเนอร์ เปลี่ยนทางหนีมือ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาไกลเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือ

นาที 13 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ครอสจากทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เกี่ยวบอลไม่ติดเลยไปถึง เฟลิเป้ กองหลังเจ้าถิ่น หวดเคลียร์ทิ้งไม่ดีออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง นาบี เกอิต้า ได้ซัดวอลเลย์เปรี้ยงเดียวด้วยขวาเต็มข้อ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดแถมติดไซด์ก้อยหนีมือ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาขวามือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 20 GOAL!!!

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 !!! จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกทางฝั่งซ้ายแล้วเล่นสั้นมาให้ โตมาส์ เลอมาร์ โยกหลบ ซาดิโอ มาเน่ กระชากไต่เส้นหลังเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะไหลย้อนไปที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ โกเก้ กดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของ อ็องตวน กรีซมันน์ สะกิดบอลเปลี่ยนทางเสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย แบบมีโชคช่วย

นาที 27

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ ตัดบอลได้ที่หน้าเขตโทษตัวเองแล้วสวนกลับเร็ว แล้วเป็น โรดริโก้ เด ปอล วางบอลยาวข้ามแนวรับทิ้งขึ้นหน้าไปให้ อ็องตวน กรีซมันน์ ได้สปีดทำลายกับดักล้ำหน้าไปเอาบอลลง ก่อนจะกระชากหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แต่จังหวะสุดท้ายแตะบอลยาวไปนิด เจ้าตัวตามมาจิ้มบอลไปติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ออกมาปิดมุมได้อย่างไว ทิ้งตัวขวางเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด พลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 34 GOAL!!!

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด มาได้ประตูตามตีเสมอจนได้เป็น 2-2 !!! จากจังหวะ ชูเอา เฟลิกซ์ โชว์ความพลิ้ว เลี้ยงหลอกล่อนักเตะทีมเยือน หลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะไหลนิ่ม ๆ ไปที่หน้ากรอบให้ อ็องตวน กรีซมันน์ วิ่งโฉบมาแตะบอลหนึ่งทีทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งตามมาทิ้งตัวตวัดยิงด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลกระดอนพื้นผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม

นาที 40

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด เกือบได้ประตูพลิกแซงขึ้นนำ เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว คีแรน ทริปเปียร์ โยนบอลยาวข้ามฟากจากขวาไปซ้ายให้ ชูเอา เฟลิกซ์ เกี่ยวบอลลงได้สวย ก่อนจะลากจี้เข้าไปในเขตโทษแล้วซัดเร็วด้วยซ้ายติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนคุมเสาแรกอยู่ รับกระฉอกก่อนตามมาคว้าเอาไว้ได้ทัน

นาที 43

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ มาริโอ เอร์โมโซ่ ดันสูงหลุดขึ้นมารับบอลทางกราบซ้าย ก่อนจะแทงทะลุช่องตัดหลังแนวรับเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ โตมาส์ เลอมาร์ วิ่งสอดหลุดเข้าไปยิงมุมแคบยัดไปที่เสาแรก ติดเซฟของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ป้องกันเอาไว้ได้อีกครั้งหนึ่ง

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกกันอย่างสนุกสูสี เป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่มาได้ประตูขึ้นนำเร็วสองลูกรวด หลังจากนั้นเกมตกเป็นของทางฝั่งเจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด เกือบทั้งหมด ฮึดไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ สกอร์ตอนนี้ เสมอกันอยู่ที่ 2-2 !!!

นาที 46

เริ่มครึ่งหลังมา ทั้งสองทีมแก้เกมด่วนด้วยการเปลี่ยนตัวฝั่งละคน โดยเจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด ถอดเอา เชฟเฟร่ย์ กงด็อกเบีย ที่วันนี้รับบทเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็นออกไปพัก แล้วจัดการส่ง โฮเซ่ คิเมเนซ กองหลังอาชีพที่ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ ลงสนามมาเล่นแทน ส่วนทางทีมเยือน ลิเวอร์พูล ถอดเอา นาบี เกอิต้า คนยิงประตูออกไปพัก แล้วจัดการส่ง ฟาบินโญ่ มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติบราซิล ลงสนามมาทำลายจังหวะเกมรุกของคู่แข่งแทนตรงกลางสนาม

นาที 48

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่กลางเขตโทษ แล้วเป็น ซาดิโอ มาเน่ ได้สอดมาเทคตัวโหม่งเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งเข้ากรอบประตูแต่ยังไม่หนีมือเท่าไหร่ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาพุ่งไปปัดออกมาได้ทัน

นาที 49

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด มีโอกาสได้ลุ้นบ้างเหมือนกัน จังหวะนี้ ยานนิค การ์ราสโก้ ทำชิ่ง 1-2 กับ โรดริโก้ เด ปอล ได้หลุดเข้าไปยิงเร็วในกรอบ 6 หลา ทว่าเป็น อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เจ้าเก่า ออกมาปิดมุมได้ไว เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ทัน

นาที 52 ใบแดง!!!

เจ้าถิ่น ทัพตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ อ็องตวน กรีซมันน์ ไปยกเท้าสูงยันเข้าไปที่หัวของ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แบบน่าเกลียดสุด ๆ ดาเนี่ยล ซีแบร์ต ผู้ตัดสินจากเยอรมัน ไม่รอช้า วิ่งมาควักใบแดงโดยตรง ไล่ตะเพิดเจ้าตัวออกจากสนามไป ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า ก็ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

นาที 56

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้เตะมุมทางฝั่งขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปิดโด่งเข้ากลางไปโดน โฮเซ่ คิเมเนซ โหม่งสกัดกลับออกมาเข้าทาง เจ้าตัวได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งไปที่หน้าประตูอีกที คราวนี้เป็น เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้เทคตัวโหม่งเน้น ๆ ทว่าบอลเบาแถมไปตรงตัวของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับไว้ได้สบาย

นาที 58

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ตัวผู้เล่นมากกว่า ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ดันสูงขึ้นมา แล่บเข้าไปรับบอลในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะก้มหน้าจัดการซัดเองเน้น ๆ ด้วยซ้าย แต่กดไม่ลง บอลพุ่งแรง เหินข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 62

เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมง เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทีมเยือน อาศัยที่ตัวผู้เล่นมากกว่า ตอนนี้มองไปที่สามคะแนนแบบจริงจัง เจ้าตัวจัดการปรับหมากด้วยการถอด ซาดิโอ มาเน่ และ เจมส์ มิลเนอร์ ออกไปพัก ก่อนจะส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ปีกความเร็วสูง และ ดีโอโก้ โชต้า ตัวจบสกอร์สุดคม ลงสนามมาช่วยเกมรุกแทน

นาที 66

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล โหมบุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ทำชิ่ง 1-2 กับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ก่อนจะลากลุยทะลุเข้าไปในเขตโทษแล้วกดด้วยขวาเต็ม ๆ ส่งบอลไปตรงตัวของ ยาน โอบลัค ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองเอาไว้ได้ทัน อย่างไม่ยากเย็น

นาที 76 GOAL!!!

ทีมเยือน ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 !!! จากจังหวะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ วางบอลยาวเข้าไปในเขตโทษให้ ดีโอโก้ โชต้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาบอลลงแล้วโดน มาริโอ เอร์โมโซ่ วิ่งมาชนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนทำให้กองหน้าทีมชาติโปรตุเกสล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่รอช้า วิ่งมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทีมเยือนทันที แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

นาที 80 VAR!!!

เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด ชวดโอกาสที่จะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะเปิดฟรีคิกนอกกรอบเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า ไปกระแทกใส่ โฮเซ่ คิเมเนซ ล้มลงไป ผู้ตัดสิน ดาเนี่ยล ซีแบร์ต เป่าให้เป็นลูกจุดโทษของเจ้าถิ่นทันที ก่อนที่ทีมงาน VAR จากข้างสนามจะเรียกเจ้าตัวไปดูที่จอโมนิเตอร์ สุดท้ายกลับลงมา เปลี่ยนคำตัดสิน ริบจุดโทษคืนอย่างน่าเสียดาย ซึ่งถ้าดูจากภาพช้า เหมือนจะเป็นการล้มง่ายเกินไปหน่อย

นาที 90+3

ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด ได้ลุ้นเฮือกสุดท้าย จากจังหวะ หลุยส์ ซัวเรซ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ไหลบอลกลับหลังนิ่ม ๆ มาที่หน้าเขตโทษตั้งให้  อังเคล กอร์เรอา ตัวสำรองอีกคน ได้วิ่งมากดด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรง ลอยเหินข้ามคานออกไปไกลอย่างน่าผิดหวัง

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น แอตเลติโก้ มาดริด ไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 !!! เก็บ 9 คะแนนเต็ม ชนะรวดสามนัด รั้งจ่าฝูงของตาราง ส่วนทางด้านแอตเลติโก้ มาดริด รั้งอันดับที่ 2 ของกลุ่ม โดยนัดต่อไปทั้งคู่จะกลับมาพบกันที่แอนฟิลด์ ในคในวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้