เดอะ ไทม์ส รายงานว่าพรีเมียร์ลีกเตรียมผลักดันนำระบบช่วยจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติมาใช้งานตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป
จนถึงตอนนี้การนำระบบช่วยจับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติมาใช้ในแชมเปี้ยนส์ลีกกำลังดำเนินไปด้วยดี แล้วพรีเมียร์ลีกก็เตรียมผลักดันแผนการที่จะนำระบบดังกล่าวมาใช้บนลีกสูงสุดแดนผู้ดีบ้าง
ระบบดังกล่าวถูกมองเป็นก้าวสำคัญจากระบบที่พวกเขาใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องมาจากประสิทธิภาพที่ระบบแสดงให้เห็น และพรีเมียร์ลีกจะทำการโหวตเรื่องนี้ให้หลังจากพ้นฟุตบอลโลกไปแล้ว
การตรวจเช็คของระบบไม่ได้ใช้เวลายาวนานไปกว่าการหยุดเกมจากจังหวะฟาวล์หรือล้ำหน้าตามปกติ โดยที่คาดกันว่าจะดีเลย์เพียงแค่ 0.5 วินาทีเท่านั้น
ระบบดังกล่าวทำงานโดยการส่งข้อความเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ VAR เมื่อนักเตะอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ด้วยเทคโนโลยีจับความเคลื่อนไหวและเอไอที่ตัดสินใจได้อย่างทันที
การติดตั้งระบบนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายในด้านซอฟท์แวร์ แต่ 9 สโมสรของพรีเมียร์ลีก, ซึ่งประกอบด้วยทีมที่ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกกับยูโรป้าลีกรวมถึง ไบรจ์ตัน, เซาแธมป์ตัน และ น็อตติ้ง ฟอเรสต์ ต่างมีระบบพื้นฐานของฮอว์คอายติดตั้งอยู่แล้ว ทำให้การติดตั้งระบบจับล้ำหน้าเพิ่มเติมนั้นเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น
ผู้ตัดสิน VAR จะต้องทำการตรวจสอบการแจ้งเตือนจากระบบอีกที แต่ก็น่าจะช่วยลดการดีใจเก้อหลังส่งบอลเข้าประตูไปและมีเสียงนกหวีดดังตามมา ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่คนบ่นกันเยอะกับระบบปัจจุบัน
การทดสอบระบบช่วยจับล้ำหน้าเกิดขึ้นในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว และความสำเร็จของระบบนี้ทำให้ยูฟ่านำมาใช้อย่างเป็นทางการในฤดูกาลนี้
ระบบช่วยจับล้ำหน้าจะถูกนำไปใช้ในฟุตบอลโลกช่วงปลายปีด้วย และคาดหมายว่าจะนำไปใช้ในลีกยุโรปลีกต่างๆในอีกไม่ช้า
ระบบดังกล่าวจะมีกล้อง 12 ตัวรอบสนามคอยจับการเคลื่อนที่ของนักเตะและลูกฟุตบอลระหว่างการแข่งขัน โดยมีเอไอคอยจับความเคลื่อนไหวบนร่างกายนักเตะ 12 จุด
ผู้ตัดสินจะได้รับการแจ้งเตือนบนนาฬิกาข้อมือ ถึงอย่างนั้นกรรมการในสนามกับ VAR ยังมีสิทธิ์ขาดกับการตัดสิน
เชลซี เคยพบกับการตัดสินด้วยระบบนี้มาแล้วในเกมพบ ดินาโม ซาเกร็บ สัปดาห์ก่อนตอนที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมอย็อง ยิงเข้าแต่มีย้อนจับล้ำหน้า เบน ชิลเวลล์ จังหวะก่อนหน้านั้น