ฟีร์มีโน่ยิงเบิ้ล! พา หงส์แดง บินสูงเหนือ แมนฯยูไนเต็ด

เกมการแข่งขัน ระหว่างเจ้าถิ่นทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดกลางสัปดาห์ เป็นศึกแดงเดือด ที่ถูกเลื่อนมาให้แข่งขันกันในวันนี้

เกมนี้ เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย บรูโน่ แฟร์นานเดส เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส มาร์คัส แรชฟอร์ด กองหน้าตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ และ เอดิสัน คาวานี่ ศูนย์หน้าตัวปิดบัญชีทีมชาติอุรุกวัย

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ติอาโก้ อัลกันตาร่า มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกมทีมชาติสเปน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กองหน้าตัวเชื่อมเกมทีมชาติบราซิล และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม

นาที 2

เกมเข้มข้นตั้งแต่ต้นเกม เมื่อมีจังหวะดราม่าเกิดขึ้นกับฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ พาบอลขึ้นมาถึงบริเวณกึ่งกลางสนามเยื้อง ๆ ไปทางขวา ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องเร็วให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ วิ่งสอดหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา แล้วปาดเร็วไปที่หน้าประตู กะว่าจะให้กับ ดีโอโก้ โชต้า ที่ยืนรอบอลอยู่โล่ง ๆ แต่บอลดันไปติดแขนของ เอริค ไบยี่ กองหลังเจ้าถิ่น ที่วิ่งตามลงมาสไลด์ขวางไว้ได้พอดี

ผู้เล่นทีมเยือน โวยวายกันใหญ่ แต่ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ขอเช็ค VAR ก่อนจะเดินลงมา โชว์ความใจแข็งให้เล่นต่อไป ซึ่งภาพช้าจะเห็นว่าโดนแขนจริง ๆ แต่ผู้ตัดสินมองว่าไม่ได้เจตนา

นาที 3

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทักทายขึ้นมาบ้าง เป็นจังหวะ พอล ป็อกบา ครองบอลดึงผู้เล่นทีมเยือน อยู่บริเวณนอกกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะไหลสั้น ๆ ออกมาที่ริมเส้นให้ อารอน วาน บิสซาก้า ได้บรรจงเปิดบอลโค้งไปที่เสาแรกให้ เอดิสัน คาวานี่ วิ่งโฉบมาโหม่งเต็ม ๆ แต่ยังบังคับทิศทางไม่ค่อยถนัด ลอยหลุดกรอบออกไปไกล

นาที 4

เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะความผิดพลาดของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่จ่ายบอลสั้นให้ รีส วิลเลี่ยมส์ บริเวณหัวกระโหลกแต่เบาเกินโดน เอดิสัน คาวานี่ วิ่งมาตัดบอลไปได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบตวัดเร็วด้วยขวาเล่นทางไปที่เสาแรกซ้ายมือ แต่บอลดันไหลเฉียดเสา หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 10 GOAL!!!

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร อารอน วาน บิสซาก้า โฉบทะลุมาเอาบอลที่สุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวาแต่โดนขวางเปิดไม่ได้ เจ้าตัวดึงจังหวะนิดนึง ก่อนจะไหลสั้น ๆ ย้อนหลังมาให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้แต่งเข้าซ้ายมาตรงกลางประตู แล้วยิงดีดไซด์ก้อยด้วยขวาไปที่เสาไกลซ้ายมือ แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับ เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ วิ่งพยายามแหย่ขาสกัด กลายเป็นบอลเปลี่ยนทาง พุ่งเสียบเสาแรกขวามือ เข้าประตูตัวเองไปแบบงง ๆ 

นาที 13

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล สวนกลับขึ้นมาทางกราบขวา บอลมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เลี้ยงจี้เข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะกระชากตัดเข้าในออกมามุมกว้าง แล้วซัดด้วยซ้ายเต็ม ๆ แต่ก็ยังติดแนวรับเจ้าถิ่น ที่ตามมาช่วยกันบล็อกไว้ได้ทันเวลา

นาที 22

ทีมเยือน มีโอกาสที่จะได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เลี้ยงจี้ขึ้นมาที่กึ่งกลางสนามฝั่งขวา ก่อนจะเปิดบอลยาวทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ดีโอโก้ โชต้า ทำลายกับดักล้ำหน้า วิ่งสอดช่องระหว่างกองหลัง หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาจ่อ ๆ ที่หน้าประตู แต่ต้องชม ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่อ่านเกมได้ดี วิ่งออกมาปิดมุม เอาตัวขวางบอลไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 25

เกมต้องหยุดไปพักใหญ่ เมื่อมีจังหวะปั๊มบอลปะทะกันในเขตโทษของเจ้าถิ่น เป็น เอริค ไบยี่ ที่ตามมาสกัดเคลียร์บอล แล้วตามน้ำไปโดนขาของ เนธาเนียล ฟิลลิปส์ เล่นเอาตัวลอย ลงไปนอนเจ็บกับพื้น ผู้ตัดสินเช็ค VAR ว่าควรจะเป็นจุดโทษหรือไม่ ก่อนจะลงมาชี้ให้เป็นดรอปบอลของเจ้าถิ่นแทน ไม่ได้ให้ฟาล์ว

นาที 30

เจ้าถิ่น ได้ลุ้นยิงประตูหนีห่างสองครั้งติด ๆ เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งขวา ลุค ชอว์ เปิดไปเข้าหัวของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ได้โขกเน้น ๆ แต่ไปแฉลบ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ออกหลังได้เตะมุมอีกครั้งทางฝั่งขวา ก่อนจะเป็น ลุค ชอว์ ที่เล่นลูกสั้นไหลมาบริเวณหน้ากรอบเขตโทษด้านขวาให้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้มีเวลาตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งด้วยขวาไปที่เสาสองให้ พอล ป็อกบา โฉบมาโหม่งย้อนศรกลับไปที่เสาแรกขวามือ บอลลอยผ่านหน้าปากประตู เฉียดเสาออกหลังไปนิดเดียว

นาที 32

ทีมเยือน เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมสูงขึ้นมารับบอลบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านซ้าย แล้วจ่ายเลียดยัดเข้าไปตรงกลางเขตโทษให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้โชว์สกิลจับบอลให้ลอย ก่อนจะเอี้ยวตัวฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้าย บอลพุ่งแรงและติดส่ายกำลังจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น กระโดดปัดเสยข้ามคานออกไปได้ทันหวุดหวิด

นาที 33 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งขวา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดโด่งเข้าไปแล้วโดนสกัดเคลียร์ออกมาได้ บอลมาเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยิงสวนเข้าไปติดบล็อก บอลกระดอนไม่ไปไหนอยู่ในเขตโทษเข้าทาง เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ ได้ลากหาช่องยิงมาถึงในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะยิงด้วยขวาหักข้อไปที่กลางประตู แล้วเป็น ดีโอโก้ โชต้า ที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ได้ยิงไขว้ด้วยขวาเปลี่ยนทางบอล เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

นาที 40

เจ้าถิ่น ต่อบอลกันขึ้นมาตรงกลาง บอลสุดท้ายมาถึง พอล ป็อกบา หน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวโยกหนีตัวประกบเข้าเท้าซ้ายทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะตะบันเต็มข้อยัดไปที่เสาแรกทันที บอลพุ่งแรงและส่าย แต่ก็ยังเฉียดเสาออกไปเพี้ยงเล็กน้อย ได้เสียวเหมือนกันจังหวะนี้

นาที 45+2 GOAL!!!

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูพลิกแซงขึ้นนำเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะได้ฟรีคิกทางกราบขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ บรรจงโยนบอลโด่งโค้งสวยไปที่หน้าเสาสองให้ โรแบร์โต้ แฟร์มีโน่ วิ่งโฉบมาโหม่งเต็มกบาล พุ่งเสยเสียบสามเหลี่ยมเสาใกล้ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น หมดสิทธิ์เซฟ

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น เกมก็กลายเป็นของทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน จังหวะเข้าทำวูบวาบน่ากลัว จนมาตามตีเสมอ และพลิกแซงขึ้นนำไปได้เป็น 2-1 ก่อนหมดเวลา !!!

นาที 46 GOAL!!!

เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่ทันไร เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 3-1 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้จากความผิดพลาดของเจ้าถิ่น แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาทางขวา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะกดด้วยขวาเต็ม ๆ ยัดเข้าไปที่เสาแรกติดเซฟของ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น บอลกระเด้งออกมาที่กลางประตูเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ วิ่งมาตวัดยิงซ้ำด้วยขวา เข้าประตูไปตุงตาข่าย ไม่เหลือซาก

นาที 58

ทีมเยือน เกือบได้ประตูหนีห่างเพิ่ม เป็นจังหวะสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เลี้ยงจี้ขึ้นมาถึงหน้าหัวกระโหลก ก่อนจะไหลบอลให้ ดีโอโก้ โชต้า หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้ววางเท้าแปด้วยซ้ายเน้น ๆ หนีมือ ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น พุ่งไปชนเสาแรกซ้ายมืออย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 62

ทีมเยือน เกือบได้ประตูหนีห่างอีกแล้ว เป็นจังหวะ อารอน วาน บิสซาก้า ทำผิดพลาดเสียบอล โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไหลบอลเร็วให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วซัดด้วยขวาเต็ม ๆ แต่บอลไม่หนีตัวเท่าไหร่  ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ล้มตัวเซฟไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 67 GOAL!!!

เจ้าถิ่น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ประตูตีตื้นไล่ขึ้นมาเป็น 3-2 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้บอลตรงกึ่งกลางสนาม ก่อนจะไหลให้ เอดิสัน คาวานี่ ให้ทำชิ่ง 1-2 แทงบอลทะลุช่องคืนมาให้เจ้าตัว ได้สปีดหลุดเดี่ยวเข้าในเขตโทษฝั่งซ้าย แล้วแปด้วยซ้ายเล่นทางสวนตัวของ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ไหลไปเสียบโคนเสาไกลขวามือ เข้าประตูไปอย่างเฉียบคม

นาที 69

เจ้าถิ่น ได้ลุ้นเหมือนกัน เป็นจังหวะ ชุลมุนในเขตโทษ บอลมาตกเข้าทาง กรีนวู้ด ได้วิ่งมายิงยัดด้วยขวาที่เสาสองจ่อ ๆ แต่ติดบล็อกแนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์ได้จากเส้น กระเด้งมาเข้าทางเจ้าตัว ได้ซ้ำด้วยซ้ายอีกที แต่ก็ยังติดบล็อกกระดอนออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

นาที 72

ทีมเยือน ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาทางกราบซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แทงบอลทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้สอดหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อยัดไปที่เสาแรกทันที บอลพุ่งแรงแต่ติดไซด์ก้อย เฉียดเสาออกไปนิดเดียว

นาที 74

ทีมเยือน เล่นบอลสวนกลับได้น่ากลัวจริง ๆ วันนี้ จังหวะนี้ ติอาโก้ อัลกันตาร่า โยนบอลยาวทะลุช่องคิลเลอร์พาสให้ ซาดิโอ มาเน่ ได้สปีดวิ่งฉีกแนวรับได้เกี่ยวบอลลงหลุดเดี่ยวไปที่หน้าประตู ก่อนจะรีบยิงจิ้มบอลด้วยขวา แต่ต้องชม ดีน เฮนเดอร์สัน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่วิ่งออกมาปิดมุมได้ไว ทำให้บอลติดตัว ขวางไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 75

เจ้าถิ่น สวนกลับขึ้นมาได้ลุ้น จังหวะนี้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดมาที่สุดเส้นหลังฝั่งซ้าย เจ้าตัวโชว์ทักษะโยกแตะหลบ เนธาเนี่ยล ฟิลลิปส์ กองหลังทีมเยือน จนหลงทาง ก่อนจะเลี้ยงแหวกทะลุเข้าไปในเขตโทษถึงหน้าเสาแรก แล้วยิงด้วยขวายัดมุมแคบไปที่เสาแรก แต่ดันตกม้าตายจังหวะสุดท้าย บอลพุ่งไปเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 78

เจ้าถิ่น ขึงเกมรุกอยู่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ บรูโน่ แฟร์นานเดส ได้ส่องไกลไปติดแขนของผู้เล่นทีมเยือน ได้เป็นฟรีคิกระยะอันตรายบริเวณหัวกระโหลก เจ้าตัวรับอาสาปั่นเอง ก่อนจะวิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาข้ามกำแพง บอลพุ่งโค้งสวยแต่มุดช้าไปหน่อย เฉียดคานซ้ายมือออกไปแบบได้ลุ้น

นาที 89 GOAL!!! 

ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 4-2 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้สวนกลับเร็ว เคอร์ติส โจนส์วางบอลยางคิลเลอร์พาสให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะล่อเป้าเอี้ยวเลือกมุมยิง แปด้วยซ้ายเน้น ๆ ไปที่เสาไกล เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล สามารถบุกมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่นไปอย่างสนุก 4-2 !!! คว้าสามแต้มสำคัญเขยิบขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ของตารางคะแนนได้สำเร็จ โดยนัดต่อไปจะออกไปเยือนทีมเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ส่วนทางด้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รั้งรองจ่าฝูงอยู่เหมือนเดิม นัดต่อไปจะเปิดบ้านเจอกับทีมฟูแล่ม