เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ (โปรตุเกส) เปิดสนาม เอสตาดิโอ โด ดราเกา, เมืองปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส ต้อนรับการมาเยือนของทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป บี นัดที่ 2 เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แซร์โจ้ คอนไซเซา มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย มาเตอุส อูริเบ กองกลางห้องเครื่อง โอตาวิโอ ปีกตัวจี๊ดริมเส้น และ เมห์ดี้ ทาเรมี่ กองหน้าตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ปราการหลังตัวแกร่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงตัวเก่งประจำทีม
นาที 10
ช่วงต้นเกม ทั้งสองทีมเน้นความรัดกุม ไม่เปิดเกมรุกแลกกันมากนัก โอกาสได้หลุดเข้าไปจบสกอร์แบบเน้น ๆ ให้แฟน ๆ ได้เห็นของทั้งคู่ยังไม่มีเลย โดยเป็นฝ่ายทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้มากกว่าตามคาด ส่วนทางเจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ ก็เป็นทีมสไตล์เน้นเกมรุก คาดว่าอีกสักพักคงจะบุกใส่กันอย่างเมามันส์
นาที 14
เจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นครึ่งแรก เมื่อ โอตาวิโอ ปีกจอมลากเลื้อยตัวเก่ง เกิดมีปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน เจ้าตัวเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ แซร์โจ้ คอนไซเซา กุนซืออดีตนักเตะชื่อดัง จำใจต้องส่ง ฟาบิโอ วิเอร่า ตัวจี๊ดอีกหนึ่งคน ลงสนามมาเล่นแทนในตำแหน่งเดียวกัน
นาที 18 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะ เคอร์ติส โจนส์ ลากพาบอลแหวกเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะซัดเร็วไปติดเซฟ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปัดบอลออกมาจวนตัวของ ไซดู ซานูซี่ จับบอลไม่ถนัด แล้วเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แอบตามมาซ้ำโล่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 25
ทีมเยือน ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ซาดิโอ มาเน่ ลากจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ไหลตามช่องต่อให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมสูงสอดมาหักกลับเข้าไปตรงกลางให้ ดีโอโก้ โชต้า ได้จับบอลแล้วม้วนตัวซัดเต็ม ๆ ติดปลายมือของ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดเสยข้ามคานเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 33
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ เคอร์ติส โจนส์ พลิกบอลจากกลางสนาม ลากขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวมองซ้ายมองขวาไม่มีใคร ก่อนจะตัดสินใจลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบเขตโทษเน้น ๆ ระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่ดันไปตรงตัวของ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองไว้ได้สบาย
นาที 37
เจ้าถิ่น ปอร์โต้ ตอบโต้ขึ้นมาได้ลุ้นบ้าง เป็นจังหวะ เชซุส โคโรน่า เติมสูงหลุดขึ้นมารับบอลทางริมกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะครอสเข้าไปที่กลางประตูให้ หลุยส์ ดิอาซ ได้มีโอกาสจับบอลลงแล้วแปด้วยขวาเน้น ๆ ทว่าบอลเบาสุด ๆ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เขยิบมาล้มตัวรับบอลเอาไว้ได้สบาย
นาที 43
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 20 หลา หน้ากรอบเขตโทษ เยื้อง ๆ ไปทางซ้าย แล้วเป็น เจมส์ มิลเนอร์ เขี่ยเปลี่ยนจุดตั้งให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง บอลพุ่งแรงโค้งสวย ทำท่าจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่เป็น ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาพุ่งไปปัดข้ามคานเอาไว้ได้อีกครั้ง
นาที 45 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!!! เป็นจังหวะ ฟาบินโญ่ ป้ายบอลออกไปทางริมกรอบเขตโทษด้านขวาให้ เจมส์ มิลเนอร์ ได้ตั้งป้อมบรรจงครอสบอลเลียดเข้ากลาง แล้วเป็น ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ออกมาตัดบอลไม่เจอ เลยมาเข้าทาง ซาดิโอ มาเน่ จิ้มเบา ๆ โล่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกกันตาข่าย อย่างง่ายดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ครองบอลได้มากกว่า รูปเกมก็ดูดีกว่าเจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ อย่างเห็นได้ชัด บุกมายิงประตูขึ้นนำไปก่อนแล้วถึงสองลูก สกอร์ตอนนี้ ปอร์โต้ 0 ลิเวอร์พูล 2 !!!
นาที 50
เริ่มครึ่งหลังมา ยังคงเป็นทางฝั่งทีมเยือน ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้นก่อน เป็นจังหวะการประสานงานทางฝั่งซ้ายของ ซาดิโอ มาเน่ พักบอลแล้วไหลตามช่องต่อให้ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งสอดตัดหลังแนวรับ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายเต็ม ๆ ในเขตโทษ แต่ยังไม่ผ่าน ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนคุมเสาอยู่ เซฟเอาไว้ได้ทัน
นาที 55
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ยังคงได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ซาดิโอ มาเน่ ลากจี้เข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะจ่ายยัดเข้ากลางให้ ดีโอโก้ โชต้า วิ่งสอดมาหวดด้วยซ้ายเน้น ๆ พุ่งแรงไปตรงตัวของ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ปัดกระฉอกออกมาทีแรก แล้วตามมาคว้าไว้ได้ทัน
นาที 60 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล ได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! เป็นจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร เคอร์ติส โจนส์ พาบอลจากกลางสนามขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวเงยหน้ามองแล้วไหลตามช่องเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาถวายพานให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้จับนิ่ม ๆ ก่อนจะวางเท้าแปด้วยซ้ายเน้น ๆ สวนตัวของ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม เป็นลูกที่สองของดาวยิงทีมชาติอียิปต์ในเกมนี้อีกด้วย
นาที 63
เจ้าถิ่น ปอร์โต้ มีโอกาสได้ลุ้นประตูบ้างเหมือนกัน เป็นจังหวะ เวนเดลล์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ลากบอลขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะหักย้อนเข้ากลางให้ หลุยส์ ดิอาซ ได้วิ่งสอดเข้ามายิงทันทีไม่จับ ทว่าบอลไม่หนีตัวเท่าไหร่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เขยิบมารับไว้ได้สบาย ไม่มีกระฉอก
นาที 64
ถัดมา ทีมเยือน ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูเพิ่มแบบสุด ๆ จากจังหวะ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ดันสูงขึ้นมาตามสไตล์ ได้บอลหลุดมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสเข้ากลางให้ ดีโอโก้ โชต้า สลัดหนีตัวประกบ วิ่งโฉบมาซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ หลุดกรอบออกหลังไปเอง อย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 75 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 3-1 !!! เป็นจังหวะ ฟาบิโอ วิเอร่า ได้บอลหลุดมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งไปที่จุดนัดพบหน้าประตูให้ เมห์ดี้ ทาเรมี่ หัวหอกชาวอิหร่าน วิ่งสอดพุ่งมาโขกเหน่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 77 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 4-1 !!! เป็นจังหวะการตัดสินใจผิดพลาดของ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่วิ่งออกมาพยายามตัดบอลนอกกรอบเขตโทษ แล้วเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่สปีดมาถึงบอลได้ก่อน เจ้าตัวแปเน้น ๆ สวนกลับเข้าไป บอลค่อย ๆ กลิ้งไปที่ประตู คอสต้า วิ่งหน้าตั้งพยายามจะกลับไปปัดแต่ไม่ทัน สุดท้ายบอลข้ามเส้นเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย แบบงง ๆ
นาที 80 GOAL!!!
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตอกฝาโลงเป็น 5-1 !!! เป็นจังหวะต่อเนื่องจากการเปิดฟรีคิกเข้าไปแล้วโดนสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษ แล้วเป็น เคอร์ติส โจนส์ วิ่งมาตะบันสวนเข้าไปกระดอนเข้าทาง โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้ซ้ำโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย ก่อนที่ เซอร์เก คาราเซฟ ผู้ตัดสินจากรัสเซีย จะขอเช็ค VAR เพื่อความชัวร์ว่าไม่ล้ำหน้า สุดท้ายยืนยันให้ได้ประตูในที่สุด
นาที 88
ทีมเยือน ลิเวอร์พูล มีจังหวะได้ลุ้นส่งท้ายก่อนหมดเวลา เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปทางซ้าย แล้วเป็น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา รับหน้าที่ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง บอลพุ่งแรงโค้งสวย แต่ทิศทางยังไม่มุมเท่าไหร่ ดิโอโก้ คอสต้า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาบินไปปัดข้ามคานเอาไว้ได้ทัน เสียเป็นเตะมุม
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน ลิเวอร์พูล บุกมาไล่ถล่มเอาชนะเจ้าถิ่น เอฟซี ปอร์โต้ ไปได้ด้วยสกอร์ 5-1 !!! คว้าชัยสองนัดรวด รั้งอันดับที่ 1 ของกลุ่ม โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนแอตเลติโก้ มาดริด ในคืนวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเอฟซี ปอร์โต้ รั้งที่ 3 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเอซี มิลาน ในวันเวลาเดียวกัน