“มาดริด” พลาดท่าบุกมาพ่ายให้กับ “เคตาเฟ่” แบบพลิกล็อกด้วยสกอร์ 1-0 !!! หยุดสถิติชนะรวด 11 นัด

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น เคตาเฟ่ เปิดสนาม โกลีเซียม อัลฟอนโซ่ เปเรซ, เมืองเคตาเฟ่ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ต้อนรับการมาเยือนของทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

นาที 9 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เคตาเฟ มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะความผิดพลาดของ เอแดร์ มิลิเตา ที่พยายามจะเลี้ยงบอลบริเวณหน้าเขตโทษตัวเองโดน เอเนส อูนาล ฉกบอลจากเท้า ได้หลุดเดี่ยวไปล่อเป้า ก่อนจะซัดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ สวนตัว ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 14

เจ้าถิ่น เคตาเฟ่ เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ ความผิดพลาดของแนวรับทีมเยือนอีกแล้ว เมื่อ เอแดร์ มิลิเตา เจ้าเก่า จ่ายคืนหลังแบบจวนตัวให้กับ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน พยายามจะสไลด์เคลียร์เร็วออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง เนมานย่า มักซิโมวิช ได้ส้มหล่นแต่ดันทำหมูหก ซัดสวนเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งไปตรงตัวของนายทวารทีมชาติเบลเยี่ยมซะอย่างงั้น เจ้าตัวรับเอาไว้ได้สบายอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 15

ทีมเยือน ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย โทนี่ โครส เล่นสั้นไหลบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายให้ ลูก้า โมดริช ได้โยกหนีตัวประกบแต่งเข้าขวา ก่อนจะก้มหน้าส่องไกลเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดไปติดปลายมือของ ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดไปเช็ดเสาไกลขวามือ กระเด้งออกหลังไป ได้เป็นแค่เตะมุม

นาที 17

ทีมเยือน เรอัล มาดริด น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ คาเซมิโร่ วิ่งสอดไปเอาบอล หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตวัดเลียดเข้ากลางให้ คาริม เบนเซม่า ข้ามหลอกต่อให้ ลูก้า โมดริช วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงไปชนคานอย่างจัง กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

นาที 20

ทีมเยือน เรอัล มาดริด โหมบุกเพื่อจะเอาประตูคืนอย่างหนัก จังหวะนี้ ลูกัส บาซเกซ วิ่งสอดดันสูงขึ้นมารับบอล เจ้าตัวลุยมาถึงสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะเปิดย้อนเข้าไปตรงกลาง บริเวณหน้าจุดโทษให้ โทนี่ โครส ได้วอลเลย์ด้วยขวาแบบไม่จับ แต่โดนไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่ บอลพุ่งหลุดกรอบ หลุดเสาออกไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 26

ทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า ได้บอลหลุดขึ้นมาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวครอสไปยังเสาไกลกะจะให้กับ โรดรีโก้ กำลังจะได้ซัดเหน่ง ๆ ทว่าเป็น เนมานย่า มักซิโมวิช ตามมาสไลด์สกัดได้ทันแต่ดันผิดเหลี่ยม บอลพุ่งไปติดตัวของ ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูทีมตัวเอง เล่นเอาใจหายวาบ สุดท้ายไลน์แมนยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะแรกแล้ว ถ้าเข้าก็อาจจะไม่ได้ประตูอยู่ดี

นาที 33

ทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ลูกัส บาซเกซ เติมเกมสูงขึ้นมาทางขวาอย่างเมามันส์ ก่อนจะไหลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษให้ โทนี่ โครส ได้ขอลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปติดบล็อกเต็ม ๆ กระเด้งออกมา ไม่มีอะไรมาก

นาที 45

เจ้าถิ่น เคตาเฟ่ นาน ๆ จะได้ตอบโต้ขึ้นมาที จังหวะนี้ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว การ์เลส อเลนญ่า ตัดสินใจเล่นลูกลักไก่หลอกยิง ซัดไกลจากแดนตัวเอง ส่งบอลทั้งน้ำหนักและทิศทางได้ลุ้น ทว่า ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ก็ยังไม่พลาดง่าย ๆ ยังถอยกลับมารับเอาไว้ได้ทัน 

นาที 45+1

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เจ้าถิ่น เคตาเฟ่ ได้ลุ้นประตูที่สองส่งท้าย จากจังหวะ เนมานย่า มักซิโมวิช โชว์พลิ้วคลึงบอลอยู่ที่บริเวณริมเส้นฝั่งขวาแล้วตอกส้นต่อให้ เมาโร อารัมบาร์รี่ เติมสอดลากขึ้นมาครอสเข้ากลาง แล้วเป็น ซานโดร รามิเรส ปล่อยหลอกให้กับ การ์เลส อเลนญ่า โฉบมากดด้วยขวาเน้น ๆ แต่บอลพุ่งไปแฉลบบล็อกของ เอแดร์ มิลิเตา กระดอนหลุดออกหลังไปนิดเดียว

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เคตาเฟ่ ที่ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่ง ยิงประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกม หลังจากนั้น ก็เป็นทางฝั่งทีมเยือน เรอัล มาดริด ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึง 77 เปอร์เซ็นต์ ทัพราชันชุดขาวเป็นฝ่ายปูพรมขึงเกมรุก บุกใส่เจ้าบ้าน อยู่แทบจะฝั่งเดียว ทว่ายังตีเสมอไม่สำเร็จ สกอร์ตอนนี้ เคตาเฟ่ 1 มาดริด 0 !!!

นาที 46

เริ่มครึ่งหลังมา คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือมากประสบการณ์ของทีมเยือน เรอัล มาดริด รีบปรับหมากแก้เกมโดยทันที จังหวะนี้ถอดเอา แฟร์กล็อง เมนดี้ กับ มาร์โก อเซนซิโอ ออกไปพัก ก่อนจะจัดการส่ง มาร์เซโล่ แบ็คซ้ายจอมบุก และ เอแด็น อาซาร์ ปีกจรวดทางเรียบ ลงสนามมาสร้างสรรค์เกมรุกแทน

นาที 55

เจ้าถิ่น เคตาเฟ่ ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว ซานโดร รามิเรส ลากพาบอลขึ้นมาเองคนเดียวถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะตัดสินใจลองวางเท้าตะบันด้วยขวานอกกรอบ ระยะประมาณ 22 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่าดันไปตรงตัวของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 57

ทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโครเอเชีย ลากพาบอลขึ้นมาถึงหัวกระโหลก ก่อนจะขอลองวางเท้าปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย ทว่าทิศทางก็ยังไม่หนีตัวเท่าไหร่ ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เขยิบมารับเข้าซองเอาไว้ได้สบาย

นาที 68

ทีมเยือน เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ เอแด็น อาซาร์ ทำชิ่งกับเพื่อนหลุดขึ้นมาแล้วไหลออกซ้ายให้กับ มาร์เซโล่ สอดมาเบิ้ลเข้าไปที่กลางประตูให้ คาริม เบนเซม่า ได้สอดมาเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาเน้น ๆ แถว ๆ จุดโทษ สัมผัสสุดท้ายส่งบอลพุ่งไปติดบล็อกของ ฮอร์เก้ กูเอนก้า ที่ยืนจังก้า ขวางทางอยู่เต็ม ๆ กระเด้งออกมาต้องตั้งกันใหม่

นาที 73

ทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปทางขวา แล้วเป็น ดาวิด อลาบา รับอาสา วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ไปถากเสาแรกขวามือ ลอยหลุดออกหลังไปเองชนิดได้เสียว

นาที 77

ทีมเยือน เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ มาร์เซโล่ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางกราบซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดเข้ากลางแต่โดน ฮอร์เก้ กูเอนก้า เคลียร์สกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง คาเซมิโร่ ได้วอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทำท่าจะเข้าไปซุกก้นตาข่ายอยู่แล้ว ทว่าเป็น ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดทิ้งออกหลังเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 80

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ทีมเยือน เรอัล มาดริด ขึงเกมรุกบอมบ์ใส่เจ้าถิ่นอย่างหนัก จังหวะนี้ เอแดร์ มิลิเตา เก็บตกบอลแถวสองได้ ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษอีกครั้งให้ มาเรียโน่ ดิอาซ ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ ลอยหลุดออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 90

ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน เรอัล มาดริด ได้ลุ้นประตูตีเสมอเฮือกสุดท้าย จากจังหวะ ได้ลูกตั้งเตะทางฝั่งขวา ลูก้า โมดริช บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อิสโก้ ที่เทคตัวขึ้นโหม่งได้สูงกว่าใคร สบโอกาสโขกไปถูก ดาบิด โซเรีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับหลุดมือจังหวะแรก ก่อนจะตามมาคว้าเอาไว้ได้ทัน

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เคตาเฟ่ พลิกล็อกเปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน เรอัล มาดริด ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! กระโดดขึ้นมาจากโซนอันตราย รั้งอันดับที่ 16 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนเซบีย่า ในคืนวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2565 ส่วนทางด้านราชันชุดขาว โดนหยุดสถิติชนะรวด 11 นัดติด ยังคงนำโด่งจ่าฝูงของตารางอยู่เหมือนเดิม นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับบาเลนเซีย ในคืนวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้