อังเคล ดิ มาเรีย และ เลอันโดร ปาเรเดส กลายเป็นสองนักเตะล่าสุดของ ยูเวนตุส ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และนั่นทำให้ทัพ “ม้าลาย” เป็นสโมสรที่มีนักเตะคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 27 คน
อาร์เจนติน่า ชูถ้วยแชมป์ได้สำเร็จหลังจากเอาชนะจุดโทษเหนือ ฝรั่งเศส 4-2 ภายหลังเสมอกัน 3-3 ในเวลา 120 นาที
ดิ มาเรีย เรียกลูกจุดโทษสำหรับประตูแรกและทำประตูที่สองด้วยตัวเอง ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 65 ขณะที่ ปาเรเดส ลงเป็นตัวสำรองในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ส่วน อาเดรียง ราบิโอต์ อีกหนึ่งแข้งยูเวนตุสลงเป็นตัวจริงให้ ฝรั่งเศส แต่ต้องอกหักเมื่อ “ตราไก่” ได้เพียงรองแชมป์
การปรากฏตัวของ ดิ มาเรีย และ ปาเรเดส ในทีมอาร์เจนติน่าทำให้ ยูเวนตุส มีผู้เล่นถึง 27 คนที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ซึ่งมากกว่าสโมสรอื่น ๆ ในประวัติศาสตร์
บาเยิร์น มิวนิค ตามมาที่ 24 คน ขณะที่ อินเตอร์ มิลาน มี 21 คน โดยที่ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เป็นแข้งล่าสุดของทัพ “งูใหญ่” ที่เถลิงแชมป์
รายชื่อผู้เล่นยูเวนตุสที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ได้แก่ ลุยจิ แบร์โตลินี่ (อิตาลี 1934), เฟลิเซ่ บอเรล (อิตาลี 1934), อุมแบร์โต คาลิการิส (อิตาลี 1934), จานปิเอโร่ คอมบิ (อิตาลี 1934), โจวานนี่ แฟร์รารี่ (อิตาลี 1934), หลุยส์ มอนติ (อิตาลี 1934), ไรมุนโด้ ออร์ซี่ (อิตาลี 1934), เวอร์จินโญ่ รอเซตต้า (อิตาลี 1934), มาริโอ วาร์กลีน (อิตาลี 1934), อัลเฟรโด้ โฟนี่ (อิตาลี 1938), ปิเอโตร ราว่า (อิตาลี 1938), ดิโน่ ซอฟฟ์ (อิตาลี 1982), อันโตนิโอ คาบรินี่ (อิตาลี 1982), เคลาดิโอ เจนติเล่ (อิตาลี 1982), แกตาโน่ ชีเรีย (อิตาลี 1982), มาร์โก ตาร์เดลลี่ (อิตาลี 1982), เปาโล รอสซี่ (อิตาลี 1982), ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (ฝรั่งเศส 1998), ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส 1998), จานลุยจิ บุฟฟ่อน (อิตาลี 2006), ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (อิตาลี 2006), อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ (อิตาลี 2006), เมาโร คาโมราเนซี่ (อิตาลี 2006), จานลูก้า ซัมบรอตต้า (อิตาลี 2006), แบลส มาตุยดี้ (ฝรั่งเศส 2018), อังเคล ดิ มาเรีย (อาร์เจนติน่า 2022), เลอันโดร ปาเรเดส (อาร์เจนติน่า 2022)