ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปีกอพอลโล่ เปิดเผยว่าเขาเคยรู้สึกโกรธจัด เนื่องจากคิดว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อดีตต้นสังกัด
เมื่อเดือนที่แล้ว สเตอร์ลิ่ง ย้ายร่วม เชลซี ด้วยค่าตัว 47.5 ล้านปอนด์ หลังจากอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” เป็นเวลา 7 ฤดูกาล
ซีซั่นที่แล้ว สเตอร์ลิ่ง ได้ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ ทั้งหมด 30 นัด โดยเป็นตัวจริงแค่ 23 เกม ซึ่งสตาร์ทีมชาติอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ เปิดใจถึงช่วงเวลาดังกล่าวว่า
“ทุกคนอยากรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการ, นักฟุตบอลก็ไม่ต่างกัน”
“เมื่อคุณทุ่มเททั้งหัวใจเพื่อลงเล่น, เสียสละวันเกิดของลูกตัวเองในบางครั้ง และจากนั้นก็ได้รับการตอบแทนด้วยวิธีการที่น่าผิดหวัง”
“ณ เวลานั้นผมรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ, แต่ตอนนี้ความโกรธนั้นหายไปแล้ว”
“มันเป็นเรื่องในอดีต, ตอนนี้ผมโฟกัสแต่กับปัจจุบันที่ เชลซี และโอกาสที่ผมจะได้ลงไปโชว์ความสามารถของผมอีกครั้งที่นี่”
แข้งวัย 27 ปีถูกถามเพิ่มถึงปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ย้ายออกจาก เอติฮัด สเตเดี้ยม และเขาก็ตอบว่า
“ความไม่เข้าใจกัน และสัญญาที่กำลังจะหมดของผม, เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ต้องลงเอยแบบนั้น เพราะผมเคยมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่นั่น”
“มีหลายเรื่องและหลายเหตุผลเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผมไม่ได้บ่นอะไร, ผมพร้อมสำหรับความท้าทาย”
“คุณก็เห็นอยู่แล้ว, ขนาดตอนผมฟอร์มดีในบางนัด, ผมก็ยังไม่ถูกการันตีตำแหน่งตัวจริง, ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่จะสู้ในศึกที่คุณไม่มีทางชนะ”
“ผมรู้สึกว่าทนกับสถานการณ์ที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้และถึงเวลาต้องย้ายออก”
“ในฐานะผู้เล่น, คุณต้องการทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยทีมของคุณ, แต่เมื่อคุณคิดว่าสิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างไม่เป็นธรรม, มันก็น่าผิดหวังเสมอ”
“ถ้าคุณไม่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล, คุณต้องมองหาตัวเลือกอื่นเพื่อคืนความสุขกลับมา, และนั่นคือสิ่งที่ผมทำ, ถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อแล้ว, ผมไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ผมรู้ว่าไม่สามารถทุ่มเททุกอย่างให้ได้”
“ซิตี้ เป็นสโมสรที่ยอดเยี่ยม, คว้าแชมป์ได้มากมาย และช่วยให้ผมเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้นตลอดหลายปีหลัง”
“แต่ถึงเวลาที่คุณต้องคิดถึงตัวเอง, คิดว่าอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ, และสิ่งที่ต้องการในอนาคต, นั่นคือเหตุผลที่ผมย้ายมา เชลซี”