‘ยุนคเยซัง’ กับผลงานแอ็คชั่นมันส์ ๆ บนพล็อตปริศนาสุดระทึกยากจะคาดเดา
ที่เขาต้องถามตัวเองว่า ‘ผมเป็นใคร’ และถามย้ำไปอีกทุก ๆ 12 ชม. ทุกครั้งที่ร่างเขาเปลี่ยนไปอย่างสุดฉงน
Spiritwalker เป็นภาพยนตร์ที่โดดเด่นอีกเรื่องของปี ตั้งแต่การได้รับเชิญไปเปิดตัวในงาน 20th New York Asian Film Festival พร้อมรับรางวัลภาพยนตร์แอ็คชั่นยอดเยี่ยมติดไม้ติดมือกลับบ้านมา และยังเดินสายไปฉายโชว์ในอีกหลายเวทีนานาชาติ ได้แก่ 53rd Sitges Film Festival, 17th British Mayham Film Festival, the 35th German Fantasy Filmfest, The 6th London East Asian Film Festival, The 21st Trieste Science Fiction Film Festival และ The 41st Hawaii International Film Festival รวมถึงทำการขายลิขสิทธิ์ไปมากกว่า 107 ประเทศทั่วโลก!
ความปังยังไม่จบ นอกจากจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากฝั่งเกาหลีแล้ว Spiritwalker ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคในเวอร์ชันสหรัฐอเมริกาโดยผู้สร้างฝีมือดีจากเรื่อง G.I.Joe และ Transformers เรียกได้ว่าคงโดนใจสายหนังซีกตะวันตกอย่างมากเลย
จุดเด่นอันดับแรก น่าจะเป็นพล็อตที่แหวกแปลกใหม่ เรียกความสนใจได้ดี หลุดจากหนังสืบสวนแอ็คชั่นเกาหลีเดิม ๆ ทั้งผู้ชมและพระเอกของเรื่องอย่าง ยุนคเยซัง ที่จะตั้งต้นจาก ‘0’ พร้อมกัน ในการแกะรอยปริศนาระทึก เรื่องเริ่มต้นขึ้นที่ คังอีอัน (รับบทโดย ยุนคเยซัง) ฟื้นขึ้นมาจากอุบัติเหตุรถยนต์และมีแผลถูกยิง แต่เขากลับจำอะไรก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยตัวเขาว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร (แว้บนึงชวนนึกไปถึงสถานการณ์เดียวกับ ‘เจสัน บอร์น’ ใน The Bourne Identity) และยังต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาดล้ำอีกเป็นระลอก เมื่อพบว่าตัวเองจะเปลี่ยนร่างไปเป็นบุคคลอื่น ที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ในทุกๆ 12 ชม. เรียกว่าเงื่อนงำแรกยังไม่ทันไขออก ก็เจอเงื่อนใหม่ทบเข้ามาเรื่อย ๆ ให้ชวนหัวหมุนติ้วไปอีก
เบาะแสตั้งต้นมีเพียงข้อมูลจากตำรวจว่า ตามบัตรแล้ว พบชื่อ ‘คังอีอัน’ และซากรถถูกลากไปทิ้งไว้ที่สุสานรถ นอกจากนี้ก่อนถึงมือตำรวจก็มี ชายจรจัด (รับบทโดย พัคจีฮวาน) เป็นผู้พบเห็นเขาเป็นคนแรก แม้ว่าคังอีอันดูจะเป็นค่อนข้างฉลาด ตั้งตัวได้ค่อนข้างไว แต่สถานการณ์ที่เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร และถูกจำกัดเวลา ยังไม่ทันจะคว้าเบาะแสได้เป็นชิ้นเป็นอันนัก ร่างก็เปลี่ยนไปอีกคนแล้ว
แต่มองในมุมกลับกัน เขาก็ได้จิ๊กซอว์ตัวใหม่มาเรื่อย ๆ จากร่างที่เปลี่ยนไป แม้เบาะแสจะกระจัดกระจายในช่วงแรก แต่ก็ทำให้เขาได้เก็บมาปะติดปะต่อเรื่องราวได้มากขึ้นในเวลาต่อมา ทว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่กำลังสืบหาความจริง ฝ่ายคนร้ายของเรื่องก็กำลังติดตามล่าเขา และต้องการสกัดกั้นมิให้ความจริงถูกเปิดเผยเช่นกัน
ซึ่งใครดีใครร้าย ใครบงการ และที่มาของเรื่องราวคืออะไร? แต่ละเหตุการณ์คือลุ้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย อาจได้เบาะแสเพิ่ม หรือหลุดเข้าไปเป็นเป้าฆ่าของศัตรู การเพลี่ยงพล้ำให้คู่ต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เรียกว่าดูไปก็มีเครื่องหมายคำถามลอยมาเต็ม แต่ก็สนุกท้าทายสมองดีค่ะ เดาถูกบ้างผิดบ้าง และได้อารมณ์เหมือนเป็นเพื่อนให้กำลังใจไปกับคังอีอันเลย 555
การเดินเรื่องที่สอดแทรกฉากบู๊จัดเต็มดุเดือดตลอดเวลา ชกต่อยประชิดตัว มีดบ้างปืนบ้าง รวมถึงฉากรถไล่ล่า ระทึกลุ้นเข้มครบรส สะบักสะบอมสมจริงแบบชวนเจ็บแทนอย่างมาก พลังและทักษะการต่อสู้แบบมืออาชีพที่ยื้อความมันส์หยดให้ยาวถึงที่สุด
นอกจากพล็อตและบทที่ดีแล้ว งานโปรดัคชั่นก็ยังดีด้วย การเปลี่ยนถ่ายฉากเข้าสู่ร่างใหม่ทำได้ว้าว ๆ สวยคราฟท์มาก การหาวิธีให้ผู้ชมเข้าใจตามได้อย่างสุดชาญฉลาดจนขอปรบมือดัง ๆ คืออาศัยความเรียบง่ายจากการใช้กระจกเงา เนื่องจากเราผู้ชมย่อมอยากดู ยุนคเยซัง เล่นทั้งเรื่องใช่ไหม ไม่ว่าเขาจะกลายเป็นร่างไหน แต่เรื่องก็ต้องเล่าให้ชัดเจนได้ว่าเขากลายร่างเป็นใคร การให้ผู้ชมเห็นเป็นยุนคเยซัง และยุนคเยซังเห็นตัวเองในกระจกเงาเป็นภาพคนที่เป็นร่างใหม่ และนั่นคือภาพที่คนอื่น ๆ ในฉากเห็นเขาด้วย ช่างเป็นเทคนิคถ่ายทอดของผู้กำกับที่เยี่ยมจริง ๆ
ส่วนการเฉลยที่มาที่ไปของปมปริศนาเหนือจริง ก็เป็นแฟนตาซีจินตนาการ ซึ่งเกาะบนแกนสมจริงบางส่วนที่ไม่เกินขอบเขตความเข้าใจ และต้นตอของเรื่องราวก็มีน้ำหนักมากพอ การบรรลุคลี่คลายปมสำคัญก็เมคเซนส์พอที่จะไม่ทำลายความสนุกที่ติดตามมาตลอดเรื่อง (ในบทเฉลยมีพาดพิงถึงไทยอยู่ด้วยในบทสนทนาหนึ่ง)
สำหรับทีมนักแสดงมากันคับคั่ง ทั้งที่เป็นตัวละครหลัก ๆ และเป็นร่างให้ยุนคเยซัง มีทั้ง อิมจียอน พัคยงอู ยูซึงมก ซอฮยอนอู จูจินโม หลาย ๆ คนบทหนักไม่แพ้พระเอกเลยเชียวค่ะ
ใครที่อยากหาหนังสืบสวนแอ็คชั่นพล็อตแหวกจำเจ และยังคงความมันส์เข้มข้นสะใจ เรื่องนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีนะคะ รวมถึงใครที่แฟนคลับยุนคเยซัง ก็ยิ่งไม่ควรพลาดเลยค่ะ
Trailer :