จักรวาลคอนจูริงหรืออัญเชิญผียังคงดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ยังมีผู้คนแห่กันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนั่นก็กลายเป็นที่มาของภาคต่อของหนึ่งในสัตว์ประหลาดตัวร้ายที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมด้วย “The Nun II The Nun 2” ซึ่งถือเป็นหนังแยกที่ดันรายได้แซงหน้าหนังหลัก ไปอย่างไม่น่าเชื่อ กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ผีแม่ชีที่น่าสะพรึงกลัวกลับมาอีกครั้ง
The Nun II บอกเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1956 ในฝรั่งเศส เมื่อนักบวชถูกสังหาร ความชั่วร้ายแพร่กระจาย ผลลัพธ์ของมันทำให้พี่สาวไอรีนที่เคยเผชิญมาก่อน ต้องกลับมาเผชิญหน้าวาลัคแม่ชีปีศาจอีกครั้ง และมันกลายเป็นสถานการณ์ที่ดูเหมือนหนักเกินไปสำหรับเธอที่จะทนอยู่คนเดียว
โดยในครั้งนี้ก็ยังคงได้ผู้กำกับที่แจ้งเกิดมาจากจักรวาล The Conjuring แถว ๆ นี้แหละมาดูแลงานสร้างให้ เขาคือ “ไมเคิล ชาเวส” ที่เคยสร้าง The Curse of La Llorona กับ The Conjuring: The Devil Made Me Do It ออกมา แม้ว่าผลงานหนังสยองขวัญของเขาจะยังไม่ค่อยเข้าตานักวิจารณ์ได้แบบเป๊ะปังได้สักเรื่องก็ตาม แล้วก็ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ก็อาจจะเข้าอีหรอบเดิมเช่นกัน
แม้ว่า The Nun ภาคแรกจะประสบความสำเร็จเหนือกว่าหนังเรื่องหลัก The Conjuring ในแง่ของรายได้ แต่บอกตามตรงว่าฉันแทบจะจำอะไรเกี่ยวกับหนังภาคแรกไม่ได้เลย ถึงแม้จะเพิ่งออกเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว แต่ก็รู้สึกดีที่ได้นั่งดู The Nun II ในครั้งนี้ เหมือนไม่เข้ากันเลย โดยเฉพาะส่วนของหนังที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องที่แล้ว เป็นสิ่งที่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็จินตนาการไม่ออก
ปรากฏว่าผีแม่ชีกลับมาคราวนี้ แม้ว่าเธอจะยังคงความดุดันของเธอไว้ แต่ต้องยอมรับว่าเสน่ห์และกลิ่นอายนั้นแทบจะไม่มีอะไรใหม่เลย น่าเสียดายที่มันถูกทำให้เจือจางลง แม้ว่าทุกองค์ประกอบของภาพยนตร์จะพยายามสนับสนุนและผลักดันทุกส่วนอย่างสุดกำลังก็ตาม แต่กลับได้แต่ภาพหลอนที่มืดมนและพร่ามัว
The Nun II ถือว่าใช้ทีมเขียนบทถึง 3 คนทีเดียว ได้แก่ “เอียน โกลด์เบิร์ก” กับ “ริชาร์ด เหนียง” (จาก Eli – 2019) และ “อเคลา คูเปอร์” (จาก M3GAN) แต่กลับกลายเป็นว่าโทนความหลอนไม่ค่อยต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่นัก ยิ่งถ้าคุณได้เปิดดูภาคแรกกับภาคล่าสุดนี้ต่อเนื่องกัน น่าจะสัมผัสถึงจุดโดดกระเด้งตรงนี้ได้ชัดยิ่งขึ้น
ประเด็นความหลอนและความสยองที่หนังเพิ่มเข้ามา ก็อาจสร้างความสนใจได้ มันไม่ได้ทำให้เกิดแรงผลักดันและแรงกระตุ้นที่น่าสนใจมากนัก ทุกอย่างดูจะเติมเต็มกลายเป็นบทที่ยังขาดความสมเหตุสมผลในรายละเอียดค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อย และเป็นจุดที่แยกคนดูออกจากหนังอยู่ตลอดเวลา
แน่นอนว่าผลงานการผลิตและความน่ากลัวของ The Nun II นั้นต้องยกนิ้วให้ ทำให้มันดูโดดเดี่ยวและน่ากลัว แต่ก็ยังพบว่าในหลายฉากและหลายจังหวะมันค่อนข้างผิดที่ผิดทาง ในบางฉากดูเหมือนจงใจอัญเชิญผีออกมามากเกินไป หรือในบางแง่ก็เป็นการสะสมแนวคิดเก่าๆ เพื่อหาเลี้ยงชีพ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ต้องยอมรับว่ามาตรฐานของการทำหนังสยองขวัญแบบนี้ในยุคนี้ก็คือ มันค่อนข้างจะเติบโตและสูงขึ้นเรื่อยๆ หนังผีที่จะฮิตมาพร้อมกับความสดระดับหนึ่งที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้ แต่ The Nun II ยังขาดจุดนี้อย่างน่าผิดหวัง เพราะสุดท้ายแล้วหนังความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่มหาวิหารเดิมหน้าโบสถ์ ที่มาพร้อมกับการเล่าเรื่องที่ผู้ชมเข้าใจและไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่านี้อีกแล้ว
ส่วนการแสดงเรายังต้องให้เครดิตกับทุกคนที่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ แม้ว่าตัวละครแต่ละตัวจะถูกเพิ่มเข้ามาแบบเผินๆ และไม่ได้รับความสนใจมากนัก แม้แต่ตัวละครแม่ชีผีอย่าง "Taissa Farmiga" และ "Bonnie Aarons" ก็กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง แต่เราแทบจะไม่เห็นพัฒนาการในบทบาทนี้มากนัก อย่าง “สตอร์ม รีด” และ “โจนาส โบลเกต์” ที่พึ่งเข้ามาลืมให้ความสำคัญเท่าที่ควร
โดยรวม The Nun II เดอะนัน 2 ถือเป็นการกลับมาของตำนานผีแม่ชีที่ยังคงหลอกหลอนในรูปแบบของตัวเอง มีเพียงมนต์เสน่ห์ต่างๆ จากต้นฉบับเท่านั้นที่ลดน้อยลงและเจือจางลง เป็นหนังผีสูตรสำเร็จแบบเดิมๆ ที่ไม่ปลุกเร้าความกลัวเหมือนภาคก่อน ถึงแม้จะยังมีประสิทธิภาพในการต่อยอดเรื่องราวได้มากก็ตาม แต่การให้ความสำคัญกับประเด็นในภาคนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ
อีกทั้งความสัมพันธ์ของหนังเรื่องนี้ ก็อาจจะไม่ดีเท่าหนังหลักเรื่อง The Conjuring ที่ยังคงมีจุดแข็งของตัวเองในแต่ละภาคในแต่ละภาค แต่แม่ชีผีกลับล่องลอยไปเล็กน้อยในการกลับมาครั้งนี้ ถึงแม้จะน่ากลัวแต่ก็ยังทำไม่ได้ ถึงจะดราม่าก็ไปไม่ถึง จึงกลายเป็นเพียงผีที่เคยน่ากลัวในยุคนี้มาก่อน แต่ตอนนี้ฉันทำได้เพียง…เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: The Nun II เดอะนัน 2
- ประเภท: สยองขวัญ
- ผู้กำกับ: ไมเคิล ชาเวส
- นำแสดงโดย: ไทส์ซา ฟาร์มิกา, บอนนี่ แอรอนส์, สตอร์ม รี้ด, โจนาส โบลเกต์
- ความยาว: 110 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 7 กันยายน 2023