อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังของ เชลซี ภาคภูมิใจกับเส้นทางอาชีพของเขาโดยเฉพาะตลอดปีที่ผ่านมา รวมถึงมองว่าเคล็บลับความสำเร็จของ โธมัส ทูเคิ่ล คือเป็นคนตรงไปตรงมา
เซ็นเตอร์แบ็คทีมชาติเยอรมนีพบช่วงเวลาที่โอกาสน้อยสนามแทบไม่มี สมัย แฟรงค์ แลมพาร์ด ยังคม เชลซี อยู่ทำให้อนาคตของเขาไม่แน่นอนอย่างหนัก
จนถึงตอนนี้อนาคต รูดิเกอร์ ก็ยังไม่แน่นอนเพราะสัญญาเหลืออีกไม่กี่เดือนแล้ว แต่เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักภายใต้การคุมทีมของ ทูเคิ่ล ที่คว้าแชมเปี้ยนส์ลีกและแชมป์สโมสรโลก
แล้วเมื่อพูดถึงความสำเร็จที่เขาพบในช่วงที่ผ่านมา รูดิเกอร์ เชื่อว่าเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตัวเขามีคาแร็คเตอร์ยังไงเมื่อพบกับความยากลำบาก
“ผมภูมิใจกับเส้นทางอาชีพของผมมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อนนะอเมซซิ่งมาก” รูดิเกอร์ ให้สัมภาษณ์กับ PA
“เราทั้งทีมพบกับความสำเร็จเยอะเลยนะ, และมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม ก็มีช่วงที่ดร็อปลงไปบ้างซึ่งผมว่าก็ปกติ ส่วนตัวแล้วผมกำลังเอ็นจอยกับช่วงเวลานี้แน่นอน”
“ยังไงก็ตามมันเป็นอีกเรื่องนึงเมื่อคุณรู้สึกดี, เมื่อทุกอย่างมันลงตัวดีและทีมเล่นได้ดี”
“แต่ผมก็แสดงให้เห็นว่าผมเป็นคนแบบไหนในเวลาที่พบกับความยากลำบาก และเรื่องนี้สำคัญกับผมมากกว่า เพราะตอนที่เป็นไปด้วยดีทุกคนก็เฉิดฉาย, ทุกคนทำได้ดี ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก”
“แต่คาแร็คเตอร์ที่แท้จริงของคนเราจะออกมาเมื่อเขาพบกับช่วงยากลำบาก นี่คือสิ่งที่ผมพิสูจน์, ต่อตัวผมเอง ไม่ใช่พิสูจน์ตัวเองเพื่อคนอื่น, ผมพิสูจน์ตัวเองเพื่อผมเอง”
“ผมว่าเส้นทางอาชีพก็เป็นบทๆไปนะ ตอนที่เด็กๆก็เป็นอีกบทนึง แต่ในบทนี้, ใช่, นี่เป็นช่วงที่ผมเล่นได้ดีที่สุดช่วงนึง”
ทูเคิ่ล เริ่มต้นการคุมทีม เชลซี ได้อย่างน่าประทับใจและมีโอกาสที่จะได้แชมป์เพิ่มอีกในการลงสนามพบ ลิเวอร์พูล ศึกคาราบาว คัพนัดชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์
รูดิเกอร์ ก็พูดถึงการทำงานของเจ้านายเขา โดยเชื่อว่าสิ่งสำคัญคือการพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ผมว่าเคล็ดลับของ โธมัส คือเขาเป็นคนตรงไปตรงมา”
“เขาเป็นคนตรงๆกับวิธีที่เขาจัดการกับสิ่งต่างๆ เขามีความต้องการสูงแต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ นี่เป็นฟุตบอลคุณภาพสูงมากและเราอยากที่จะพบกับความสำเร็จ”
“ถ้าคุณอยากพบความสำเร็จคุณก็ต้องตรงไปตรงมา คุณต้องตรงไปตรงมาในแนวทางทำงานและประยุกต์ตามสิ่งที่เกิดขึ้น”
“คนเป็นโค้ชก็คือแม่ทัพ เขามีแนวทางและท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับนักเตะที่จะทำตามแนวทางให้ดีที่สุด สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมก็เป็นตัวบ่งบอกแล้ว”