สถิติไร้พ่ายถูกหยุด!! “สเปน” ล้างแค้นบุกมาเฉือนเอาชนะ “อิตาลี” คาถิ่น 2-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพอัซซูรี่ ทีมชาติอิตาลี เปิดสนาม ซาน ซิโร่, เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ต้อนรับการมาเยือนของทัพกระทิงดุ ทีมชาติสเปน ในศึกฟุตบอล เนชั่นส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย มาร์โก แวร์รัตติ มิดฟิลด์ห้องเครื่องตัวสร้างสรรค์เกม เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวทำเกมริมเส้นจอมลากเลื้อย และ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน สเปน ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก้ มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางตัวรับเชิงสูง โกเก้ ห้องเครื่องตัวคุมจังหวะเกม และ มิเกล โอยาร์ซาบัล ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ของทีม

นาที 5

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น อิตาลี ได้ทักทายก่อน แถมเกือบที่จะได้ประตูขึ้นนำเร็ว เป็นจังหวะ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ ขยันไล่บีบบอลจากแข้งทีมเยือน ก่อนจะฉกมาได้ แล้วจ่ายตั้งมาที่หน้ากรอบเขตโทษระยะ 20 หลาให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ได้ตะบันเร็วเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวไปถูก อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาล้มตัวปัดออกมาได้ทันหวุดหวิด

นาที 13

จากนั้น เป็นทางฝั่งทีมเยือน สเปน ที่ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ มาร์กอส อลอนโซ่ เติมสูงขึ้นมา แทงบอลตัดหลังแนวรับให้ ปาโบล ซาราเบีย โฉบมาเอาที่ริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะหักเร็วเข้ากลางให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล วิ่งสอดมายิงเน้น ๆ ติดบล็อกกระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

นาที 17 GOAL!!!

ทีมเยือน ทัพกระทิงดุ ทีมชาติสเปน มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 !!! เป็นจังหวะ มาร์กอส อลอนโซ่ ไหลบอลขนานเส้นทางซ้ายให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้สปีดพาบอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษ ก่อนจะครอสโด่งไปที่กลางเขตโทษอย่างแม่นให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ได้วิ่งสอดมาที่จุดนัดพบ กระโดดยิงเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลกระเด้งหนีมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาไกลขวามือเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 19

ถัดมาเพียงแค่สองนาที ทีมเยือน สเปน มีลุ้นที่จะได้ประตูหนีห่างทันที เป็นจังหวะแย่งบอลมาได้เร็ว เฟร์ราน ตอร์เรส แทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้หลุดเข้าไปโยกตัดเข้าในแล้วซัดเร็วด้วยขวาติดบล็อก บอลกระเด้งมาเข้าทาง เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ซ้ำอีกทีก็แฉลบไปเข้าทาง มาร์กอส อลอนโซ่ ในเขตโทษฝั่งซ้าย ได้ซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ อัดไปที่เสาแรกถูก จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับบอลหลุดมือไปชนเสาอย่างจัง ยังดีที่มี เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ตามมาเคลียร์ทิ้งได้ทันเวลา

นาที 28

เจ้าถิ่น อิตาลี ได้ลุ้นจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ลอเรนโซ่ อินซินเย่ รับหน้าที่ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่เสาแรก แล้วเป็น โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ โฉบมาทิ้งตัวโหม่งเน้น ๆ แบบไร้ตัวประกบ ทว่าโดนไม่ดีเท่าไหร่ บอลไม่ตรงกรอบ หลุดออกหลังไปเองแบบน่าเสียดาย

นาที 34 

เจ้าถิ่น อิตาลี เกือบได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ จอร์จินโญ่ วางบอลยาวออกไปทางริมกรอบเขตโทษด้านขวาให้ เฟเดริโก้ เบร์นาร์เดสคี่ ได้เกี่ยวบอลหักเข้าในแต่มีตัวขวาง เจ้าตัวโยกหาเหลี่ยม ก่อนจะตัดสินลักไก่ ซัดเร็วยัดไปที่เสาแรกโดน อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาปัดไปชนเสาอย่างจังกระเด้งออกมา สุดท้ายเพื่อนร่วมทีมช่วยเคลียร์ออกหลังได้ทัน

นาที 35

เจ้าถิ่น อิตาลี พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมออีกครั้ง จากจังหวะการทำชิ่งกันทางกราบซ้าย จอร์จินโญ่ เบิ้ลบอลเร็วให้ เอแมร์ซอน ปัลมิเอรี่ วิ่งสอดทะลุขึ้นไปทางริมกรอบเขตฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดถวายพานเข้าไปที่กลางประตูให้ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ได้บรรจงยิงเร็วไม่จับเน้น ๆ แต่บอลปลิ้นหลุดกรอบประตูด้านขวา พุ่งออกหลังไปแบบไม่น่าเชื่อ

นาที 37

ทีมเยือน สเปน ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เจ้าหนู กาบี แข้งดาวรุ่งอนาคตไกล ลากบอลลุยขึ้นมาแล้วส่งไปที่ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้ลองหวดบอลเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวเข้าหากรอบประตู ทว่า จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังยืนตำแหน่งได้ดี เขยิบมาตะครุบเอาไว้ได้สบาย

นาที 42 ใบแดง!!!

สถานการณ์ของเจ้าถิ่น อิตาลี ต้องย่ำแย่ขึ้นไปอีก เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เทคตัวขึ้นโหม่งแล้วไปพลาดท่า ทำฟาวล์กางศอกใส่ต้นคอของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ อย่างจังจนล้มลงไปนอน ผู้ตัดสิน เซอร์เกย์ คาราเซฟ ไม่รอช้า วิ่งมาชูใบเหลืองใบที่สอง กลายเป็นใบแดง ไล่ตะเพิดปราการหลังกัปตันอัซซูรี่รายนี้ ออกจากสนามไปทันที

นาที 45+2 GOAL!!!

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก ทีมเยือน ทัพกระทิงดุ ทีมชาติสเปน มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ มาร์กอส อลอนโซ่ เติมเกมสูง บุกเจาะขึ้นมาทางซ้ายอีกแล้ว คราวนี้เจ้าตัวบรรจงหยอดบอลเข้าไปในเขตโทษให้ ปาโบล ซาราเบีย แปะเร็วสั้น ๆ ให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ในเขตโทษฝั่งซ้าย ได้เบิ้ลบอลโด่ง ลอยย้อยไปที่เสาไกลขวามือให้ เฟร์ราน ตอร์เรส เทคตัวโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลย้อนศร พุ่งกลับไปเสียบเสาแรกซ้ายมือเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน สเปน ที่ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ เปิดเกมรุกเน้นเจาะบ่อน้ำมันทางฝั่งซ้ายจนมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแล้วถึงสองลูก ส่วนทางเจ้าถิ่น อิตาลี นอกจากรูปเกมสู้ไม่ได้แล้ว แถมยังต้องมาเหลือผู้เล่นน้อยกว่าในช่วงก่อนหมดเวลาอีก สกอร์ตอนนี้ อิตาลี 0 สเปน 2 !!!

นาที 49

เริ่มครึ่งหลังมา หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของทีมเยือน สเปน ตัดสินใจเปลี่ยนตัวคนแรก โดยจัดการถอด เฟร์ราน ตอร์เรส ศูนย์หน้าที่เพิ่งซัดเบิ้ลในครึ่งแรกออกไปพัก แล้วส่ง เยเรมี่ ปิโน่ ตัวรุกดาวรุ่งจากสโมสร บียาร์เรอัล ลงประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่เป็นนัดแรก แทนที่ในตำแหน่งเดียวกัน

นาที 57

ทีมเยือน สเปน ยังได้ครองบอลบุกมากกว่าตามคาด จังหวะนี้ มิเกล โอยาร์ซาบัล พักอกตั้งให้ โกเก้ ก่อนจะวิ่งสอดขึ้นไปรับบอลชิ่งคืนในกรอบเขตโทษ เจ้าตัวล็อคดึงจังหวะรอเพื่อนแล้วไหลคืนมาให้กับ โกเก้ เจ้าเก่า ที่วิ่งเติมสอดขึ้นมา ได้สับไกด้วยขวาเน้น ๆ ติดบล็อกกระเด้งออกมา ต้องตั้งเกมกันใหม่

นาที 61

เจ้าถิ่น อิตาลี เกือบได้ประตูตีไข่แตก เป็นจังหวะ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ เปิดบอลขนานเส้นฝั่งขวาขึ้นหน้าให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า ได้กระชากเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะสบโอกาสโยกเร็วไปซัดด้วยขวาเน้น ๆ ยัดไปที่เสาแรกติดเซฟ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดไปชนเสาด้านขวา กระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย ทว่าไลน์แมนยกธงตามหลังว่าเป็นลูกล้ำหน้า ถ้าเข้าก็อาจจะไม่ได้ประตูอยู่ดี

นาที 63

ทีมเยือน สเปน เกือบได้บวกสกอร์เพิ่ม เป็นจังหวะ กาบี้ ป้ายบอลออกขวาให้ เยเรมี่ ปิโน่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้ลากจี้เข้าเขตโทษ สับขาหลอกไปหนึ่งที ก่อนจะกระชากไปครอสเร็วเข้าไปที่หน้าประตูให้ มิเกล โอยาร์ซาบัล ได้กระโดดเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งเฉียดเสาไกลซ้ายมือ ลอยหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 71

เกมต้องหยุดชะงักลงพักใหญ่ ๆ เมื่อมีจังหวะชุลมุนเล็กน้อย หลังจาก เยเรมี่ ปิโน่ เข้าปะทะแย่งบอลจาก มานูเอล โลตาเดลลี่ ล้มลงไปทั้งคู่ ก่อนที่จะมีการเล่นนอกเกมกันที่พื้นสนาม จนทำให้นักเตะทั้งสองฝ่ายเข้ามารุมโวยวายกันอยู่นาน สุดท้ายผู้ตัดสิน แจกใบเหลืองให้กับ เยเรมี่ ปิโน่ แล้วให้เล่นกันต่อไปเหมือนเดิม

นาที 78

ทีมเยือน สเปน เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว เริ่มที่ เยเรมี่ ปิโน่ ลากพาบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา เจ้าตัวพลิ้วผ่าน อเลสซานโดร บาสโตนี่ มาได้สวย ก่อนจะหลุดไปเปิดเลียดเข้าไปที่กลางประตูให้ มาร์กอส อลอนโซ่ วิ่งสอดมาแปเน้น ๆ ติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดออกมาเข้าทางเจ้าตัวอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เลือกจ่ายสั้น ๆ ให้ ไบรอัน กิล ได้ซ้ำอีกทีก็ยังโดนบล็อกทัน

นาที 83 GOAL!!!

เจ้าถิ่น อิตาลี มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะ เปิดเตะมุมเข้าไปแล้วโดนสกัดออกมา เยเรมี่ ปิโน่ พยายามโหมส่งคืนให้เพื่อนแต่เบาไป แล้วเป็น เฟเดริโก้ เคียซ่า สอดตัดหลังมาฉกบอลไปได้ ก่อนที่เจ้าตัวจะลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษดื้อ ๆ จังหวะสุดท้ายเลือกไหลถวายพานให้ ลอเรนโซ่ เปเลกรินี่ ที่วิ่งตีคู่ขนาบขึ้นมา ได้ยิงเผาขนระยะแค่ 6 หลา เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย 

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน สเปน ที่บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น อิตาลี ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! หยุดสถิติไร้พ่าย 37 นัดของทัพอัซซูรี่เอาไว้ได้สำเร็จ พร้อมทะลุเข้ารอชิงกับผู้ชนะระหว่าง เบลเยี่ยม กับ ฝรั่งเศส