นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เตรียมเปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ในศึก พรีเมียร์ลีก (อังกฤษ) เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา
เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของ เป็ป กวาร์ดิโอลา จะมาในระบบ 4-3-3 เตรียมเปิดหน้าแลกเพื่อคว้าสามคะแนนเต็ม นำทีมโดย เควิน เดอ บรอยน์ , แบร์นาโด้ ซิลวา และมี กาเบรียล เจซุส เป็นตัวจบสกอร์ในแดนหน้า
ขณะที่ ลิเวอร์พูล จะมาสู่ด้วยแผน 4-3-3 เช่นเดียวกัน วัดกันไปเลยว่าใครจะเป็น No.1 ในฤดูกาลนี้ นำทัพโดยสามประสานอย่าง ซาดีโย มาเน,ดิเอโก้ โชต้า และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดาวซัลโวประจำทีม
นาทีที่ 4
เริ่มเกมได้ไม่นาน ซิตี้ ก็ทักทายก่อนเลย จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ จ่ายทะลุช่องให้ กาเบรียล เชซุส หลุดไปรับบอลทางกราบขวา ก่อนจะตบกลับมาให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้วิ่งเข้ามาชาร์จจ่อๆ แต่ลูกนี้ อลิสซอน ยังไม่พลาด เซฟได้สวย
นาทีที่ 5 แมนซิตี้ นำเร็ว !!
แมนซิตี้ ออกนำจนได้ จากจังหวะเล่นลูกฟรีคิก เดอ บรอยน์ ที่รับบอลสั้นมาจากเพื่อน จัดการโชว์สกิลแหวกตัวประกบอย่าง ฟาบินโญ่ แล้วได้ส่องด้วยซ้าย บอลไปแฉลบ มาติป เปลี่ยนทางเข้าประตูไปเฉยเลย
นาทีที่ 13 ลิเวอร์พูล ตีเสมอ!!
ลิเวอร์พูล ไม่ปล่อยให้รอนาน จังหวะนี้พวกเขาเอาคืนประตูคืนจนได้ เมื่อแนวรับของ ซิตี้ เคลียร์บอลไม่ขาด โรเบิร์ตสัน ที่เก็บตกได้ จึงเปิดต่อให้ เทรนท์ ตามไปเล่นบอลแล้วเบิ้ลกลับมาให้ โชต้า วิ่งมาชาร์จจ่อๆ ระยะหกหลา ส่งบอลซุกก้นตาข่าย ไม่พลาด
นาทีที่ 29
เจ้าบ้านเกือบได้เฮอีกครั้ง จากจังหวะที่ คันเชโล่ หลุดตัวประกบเข้าไปในกรอบเขตโทษ ล็อคหลบหนี เทรนท์ ไปหนึ่งที แล้วจ่ายต่อให้ เดอ บรอยน์ ได้ซัดด้วยขวา แต่บอลสุดท้ายหลุดเสาออกไปนิดเดียว
นาทีที่ 37 แมนซิตี้ แล่นฉิว ขึ้นนำ 2-1!!
แมนซิตี้ หลังจากบดอยู่นานพวกเขาก็ได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ มาติป เคลียร์บอลไม่ดี ไปเข้าทางของ คันเชโล่ วางเท้าเปิดบอลไปทางเสาไกล เชซุส ที่รออยู่ตรงนั้นคนเดียว เลยได้ซัดโล่งๆ เช็ดคานเข้าไปอย่างสวยงาม
หมดครึ่งเวลาแรก ไม่มีผิดคาด แมนซิตี้ เหนือกว่าทุกอย่าง ด้วยสิถิการครองบอลมากกว่า 70% ครึ่งหลังถ้า เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่แก้เรื่องเพรสซิ่ง ไม่ได้ ก็คงยากที่จะต่อกรกับระบบทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอลา
นาทีที่ 46 ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอ !!!
เริ่มครึ่งหลังได้ไม่ถึง 2 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เทรนท์ จ่ายบอลเร็วให้ ซาลาห์ พลิกหนีตัวประกบ แล้วจ่ายต่อให้ มาเน่ วิ่งแข่งกับ วอล์คเกอร์ และเป็น มาเน่ ที่ถึงบอลก่อน จัดการแปด้วยขวาสวนตัว เอแดร์ซอน เข้าไปอย่างสวยงาม
นาทีที่ 62
แมนซิตี้ เกือบได้ประตูออกนำอีกครั้ง จากจังหวะที่ เชซุส พริ้วหนี โรเบิร์ตสัน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะซัดด้วยขวา บอลผ่านตัวของ อลิสซอน ไปแล้ว แต่ด่านสุดท้ายยังมี ฟาน ไดจ์ สกัดออกไปได้ หวุดหวิด
นาทีที่ 72
โอกาสขึ้นนำอีกครั้งของ แมนซิตี้ มาจากจังหวะสวนกลับ เดอ บรอยน์ แทงบอลให้ เชซุส หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ มีเพื่อนวิ่งเติมมา3-4 คน แต่เจ้าตัวดันตัดสินใจยิงเอง บอลเข้าข้างตะข่าย จังหวะนี้เล่นเอาเพื่อนร่วมทีมหัวเสียไปหลายคนเลยทีเดียว
นาทีที่ 90
แมนซิตี้ จะเอาลูก3 ให้ได้ จังหวะนี้ก็ถือว่าได้ลุ้น เมื่อ เรือใบสีฟ้า ได้ฟรีคิกระยะหวังผล มาห์เรซ วิ่งมาปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งหนีกำแพง แต่เหมือนว่าจะโค้งไม่พอ บอลชนเสากระเด้งออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาการแข่งขัน แมนซิตี้ โอกาสในเกมนี้มีเยอะมาก แต่พวกเขาจบสกอร์ไม่ได้เอง สุดท้ายเลยโดน ลิเวอร์พูล ตามตีเสมอจนได้ ส่งผลให้ทั้งสองทีมยังต้องลุ้นแย่งแชมป์กันต่อไป