สังเวยลูกากู!! ทัพสิงโตน้ำเงินคราม “เชลซี” เปิดรังดาหน้ายิง ไล่ถล่ม “มัลโม่” ไปแบบสบาย ๆ 4-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี (อังกฤษ) เปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทีม มัลโม่ (สวีเดน) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป เอช นัดที่ 3 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 20 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เชลซี ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โธมัส ทูเคิ่ล มาเล่นในระบบ 3-4-2-1 นำทีมโดย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กองกลางตัวรับจอมขยัน เมสัน เมาน์ท เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน มัลโม่ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ยอน ดาร์ล โทมาสสัน มาเล่นในระบบ 5-3-2 นำทีมโดย บ็องเก้ อินโนเซนต์ มิดฟิลด์ห้องเครื่อง เวลจ์โก้ เบอร์มานเชวิช ปีกตัวจี๊ด และ อันโตนิโอ เมอร์โก้ โคลัค กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 3

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เชลซี ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ จอร์จินโญ่ ตักบอลโด่งข้ามแนวรับ ลอยเข้าไปในเขตโทษบริเวณหน้าเสาซ้ายมือให้ เบน ชิลเวลล์ เติมเกมสูงสอดขึ้นมาโหม่งเหน่ง ๆ แต่กดไม่ลง ส่งบอลเหินข้าทคานออกไปไกล

นาที 5

เจ้าถิ่น เชลซี บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ เมสัน เมาน์ท แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ โรเมลู ลูกากู ได้หลุดกับดักล้ำหน้า สอดมาปาดเลียดไปที่กรอบ 6 หลาหน้าประตูให้ ติโม แวร์เนอร์ สอดมาเหยียดขาชาร์จเน้น ๆ แต่โดนไม่ดี บอลหลุดกรอบ ถากเสาแรกออกหลังไปแบบไม่น่าเชื่อ

นาที 8

เจ้าถิ่น เชลซี ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ เมสัน เมาน์ท เปิดบอลจากทางกราบขวาไปที่กลางประตู แล้วเป็นแนวรับของทีมเยือน ที่สกัดเคลียร์ไม่ขาดลอยออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง โรเมลู ลูกากู ได้ยิงสวนด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปแฉลบบล็อก เอริค ลาร์สสัน แนวรับมัลโม่ เปลี่ยนทางไปถูก โยฮัน ดาห์ลิน ผู้รักษาประตูทีมเยือน เซฟเอาไว้ได้ทัน

นาที 9 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ทัพสิงห์บลูส์ เชลซี มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ เตะมุมแล้วบอลชุลมุนขลุกขลิกโดนหวดทิ้งออกมาเข้าทาง ติอาโก้ ซิลวา ที่ดันขึ้นมาสูง เก็บบอลได้บริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวบรรจงเปิดบอลโค้ง พุ่งยัดมาที่กลางประตู แล้วเป็น อันเดรียส คริสเตนเซ่น ได้สอดมาฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวากดลงพื้นเน้น ๆ กระเด้งแรงหนีมือ โยฮัน ดาห์ลิน ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 14

เจ้าถิ่น เชลซี มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษ เยื้อง ๆ ไปทางขวา แล้วเป็น เมสัน เมาน์ท รับหน้าที่ วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่มุดช้าไปหน่อย สุดท้ายข้ามคานออกหลังไป ยังไม่ได้ลุ้นอะไร

นาที 21 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เชลซี มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! จากจังหวะความยอดเยี่ยมของ โรเมลู ลูกากู เจ้าตัวอาศัยความแข็งแกร่ง พลิกบังบอลเข้าเขตโทษ ก่อนจะเลี้ยงแหวกหลุดไปสองแล้วโดน ลาสเซ่ นีลเซ่น เสียบจากด้านหลังล้มลงไป ฟรองซัวส์ เลอเตซิเย่ร์ ผู้ตัดสินจากฝรั่งเศส เป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของเจ้าถิ่นทันที แล้วเป็น จอร์จินโญ่ รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

นาที 23

เจ้าถิ่น เชลซี ต้องมาเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม ที่มีอาการบาดเจ็บจากจังหวะก่อนหน้าที่ได้ลูกจุดโทษ สุดท้ายเจ้าตัวเล่นต่อไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือสิงห์บลูส์ ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว โดยจัดการส่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ตัวรุกทีมชาติเยอรมัน ลงมาสร้างสรรค์เกม แล้วดัน ติโม แวร์เนอร์ ไปเล่นหน้าเป้าคนเดียวแทน

นาที 27

ทีมเยือน มัลโม่ มีโอกาสได้ลุ้นหนแรก เป็นจังหวะ เวลจ์โก้ เบอร์มานเชวิช เปิดบอลจากกลางสนามเข้าไปในเขตโทษให้ อันโตนิโอ เมอร์โก้ โคลัค ได้วิ่งสอด หลุดไปซัดเร็วเน้น ๆ ตามน้ำ แต่ก็ทำได้แค่เพียง ส่งบอลเหินข้ามคาน ลอยออกไปไกล ชนิดเสียของแบบสุด ๆ

นาที 30

เจ้าถิ่น เชลซี ตอบโต้ขึ้นมาทันควัน จังหวะนี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลตามช่องให้ เมสัน เมาน์ท ได้หลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะครอสโด่งลึกไปที่เสาไกลให้ เบน ชิลเวลล์ เติมสูงสอดหุบขึ้นมา ได้โอกาสกระโดดวอลเลย์ด้วยซ้าย ทว่าบอลไต่หลังเท้า ปลิ้นเหินข้ามคานออกไปไกล

นาที 32

เจ้าถิ่น เชลซี ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ไหลบอลมาที่หน้าเขตโทษให้ เบน ชิลเวลล์ ได้บรรจงตวัดยิงด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งแรงมีน้ำหนัก ทว่าดันไปตรงตัวของ โยฮัน ดาห์ลิน ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 41

เจ้าถิ่น เชลซี ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ กระชากพาบอลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะแทงทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ติโม แวร์เนอร์ สอดหลุดไปซัดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งเลียดกระดอนพื้น เฉียดเสาแรก หลุดกรอบออกไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 44

เจ้าถิ่น เชลซี ต่อมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวคนที่สองอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ติโม แวร์เนอร์ ศูนย์หน้าค่าตัวแพงทีมชาติเยอรมัน มีอาการบาดเจ็บ สุดท้ายเล่นต่อไปไม่ไหว โธมัส ทูเคิ่ล จำใจถอดเจ้าตัวออกไปให้แพทย์ดูอาการ ก่อนจะจัดการส่ง คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ปีกตัวจี๊ด ลงสนามมาเล่นแทน

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เชลซี ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เป็นฝ่ายปูพรมขึงเกมรุก บุกใส่ทีมเยือน มัลโม่ อยู่แทบจะฝั่งเดียว แถมมายิงประตูออกนำไปก่อนแล้วถึงสองลูก สกอร์ตอนนี้ เชลซี 2 มัลโม่ 0 !!!

นาที 48 GOAL!!!

เปิดฉากครึ่งหลังมาได้เพียงแค่สามนาที เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เชลซี ที่มาได้ประตูเพิ่มอย่างรวดเร็วเป็น 3-0 !!! จากจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา กระชากพาบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวแทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ สปีดสอดไปจิ้มบอลด้วยซ้ายโล่ง ๆ ข้ามตัว อิสมาเอล ดิยาวาร่า ผู้รักษาประตูตัวสำรองของทีมเยือน กระดอนเสียบเสาไกลขวามือเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 55 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เชลซี มาได้ประตูเพิ่มเป็น 4-0 !!! จากจังหวะ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ดันสูงมาแหย่ขาแย่งบอลที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน บอลกระฉอกมาเข้าทาง ไค ฮาแวร์ตซ์ ดีดบอลสั้นทำชิ่งคืนมาให้เจ้าตัว ได้หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษ กำลังจะได้ง้างเท้ายิงแต่โดน เอริค ลาร์สสัน ตามมาชนจากด้านหลังล้มลงไป ฟรองซัวส์ เลอเตซิเย่ร์ ผู้ตัดสินจากฝรั่งเศส ไม่รอช้า วิ่งมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพสิงห์บลูส์ทันที แล้วเป็น จอร์จินโญ่ เจ้าเก่า รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด เป็นประตูที่สองของจอมทัพทีมชาติอิตาลี รายนี้อีกด้วย

นาที 62

เจ้าถิ่น เชลซี บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย สอดมาจับบอลโยนยาวลงนิ่ม ๆ บริเวณริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหลบตัวประกบ กระชากตัดเข้าในมาเข้าเหลี่ยมเท้าขวา ก่อนจะปั่นเร็วพุ่งไปติดเซฟของ อิสมาเอล ดิยาวาร่า ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาทุบทิ้งออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ได้ยิงสวนด้วยขวานอกกรอบ ส่งบอลเหินข้ามคานออกไปไกล อย่างน่าเสียดาย

นาที 80

เจ้าถิ่น เชลซี ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จังหวะนี้ มาร์กอส อลอนโซ่ เปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่กลางประตู แล้วเป็น เมสัน เมาน์ท ได้โฉบมาเทคตัวขึ้นโขกกดลงพื้นเน้น ๆ ทว่าทิศทางยังไม่เข้าเป้า บอลกระเด้งหลุดเสาสองออกหลังไปนิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

นาที 88

เจ้าถิ่น เชลซี มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง ตรงนั้นมีผู้เล่นสิงห์บลูส์ยืนอยู่สามคน ก่อนที่สุดท้ายจะเล่นลูกสูตร เขี่ยสั้น ๆ ตั้งให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ วิ่งซอยเท้ามาตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อทะลุกำแพง ส่งบอลพุ่งหลุดกรอบ ลอยออกหลังไปเองอีกครั้งหนึ่ง

นาที 90+2

เจ้าถิ่น เชลซี เกือบได้ลูกที่ห้า เป็นจังหวะ เมสัน เมาน์ท บรรจงหยอดบอลข้ามแนวรับคิลเลอร์พาสเข้าไปในเขตโทษถวายพานไปให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้หลุดเดี่ยวไปซัดเร็ว ทว่าต้องชม อิสมาเอล ดิยาวาร่า ผู้รักษาประตูทีมเยือน อ่านเกมได้ดี วิ่งออกมาได้ไว ทิ้งตัวเซฟออกหลังได้ทันหวุดหวิด

นาที 90+5

ก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น เชลซี ได้ลุ้นส่งท้ายจากจังหวะ ได้เตะมุมทางฝั่งขวา มาร์กอส อลอนโซ่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา บรรจงเปิดบอลโด่ง ปั่นโค้งมาที่กลางประตู แล้วเป็น ซาอูล ญีเกซ ตัวสำรองที่ลงมาพร้อม ๆ กัน ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ คนเดียว ทว่าโดนไม่ดีเท่าไหร่ บอลหลุดกรอบออกไปไกล

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เชลซี เปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะทีมเยือน มัลโม่ ไปได้แบบสบาย ๆ ด้วยสกอร์ 4-0 !!! รั้งอันดับที่ 2 ของตารางคะแนน ส่วนทางด้านมัลโม่ รั้งบ๊วยของกลุ่ม ยังเก็บไม่ได้สักแต้ม นัดต่อไปทั้งคู่จะสลับฝั่งไปพบกันที่สวีเดน โดยจะเตะกันในคืนวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้