เดลี่ เมล สื่อเมืองผู้ดี เปิดประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและความโปร่งใส่ เมื่อออกมาแฉว่า กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund) เจ้าของทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นลูกค้ารายใหญ่ของ Clearlake Capital ผู้ถือหุ้นใหญ่ของเชลซี
ประเด็นดังกล่าวนำมาซึ่งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใส่ของดีลซื้อสโมสรที่แพงที่สุดในโลก โดยรายงานอ้างว่า Clearlake Capital ซึ่งถือหุ้น 60 เปอร์เซ็นต์ของ “สิงห์บลูส์” เชลซี เป็นผู้จัดการทรัพย์สินของ PIF หลายพันล้านปอนด์
แหล่งข่าวในสแตมฟอร์ด บริดจ์ ยืนยันว่า กลุ่มทุนซาอุดิอาระเบีย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเดินหน้าซื้อสโมสรเชลซีมูลค่า 4.25 พันล้านปอนด์ ดังนั้นไม่ควรกังวลเรื่องที่ว่าอาจเกิดผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ
กระนั้น การเปิดเผยครั้งนี้นำไปยังคำถามเพิ่มเติมถึงแหล่งเงินทุนที่ Clearlake Capital นำมาใช้จ่าย พร้อมเน้นย้ำเรื่องการขาดความโปร่งใส่ต่อการเทคโอเวอร์ ในครั้งนี้
Clearlake Capital ลงทุนอย่างน้อย 2.25 พันล้านปอนด์เพื่อเข้าเทคโอเวอร์สโมสรเชลซี ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำโดย ท็อดด์ โบห์ลี่ย์ เจ้าของแอลเอ ด็อดเจอร์ส, มาร์ค วอลเตอร์ พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ และฮานส์ยอร์ก วีสส์ นักลงทุนชาวสวิสเซอร์แลนด์
บริษัทอเมริกัน เป็นตัวแทนดูแลทรัพย์สินของนักลงทุนกว่า 300 กลุ่มทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่ง PIF (Public Investment Fund) คือหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ของพวกเขา
พรีเมียร์ลีก เชื่อมั่นในแหล่งเงินทุนของ Clearlake Capital เป็นอย่างมากก่อนอนุมัติให้มีการซื้อขายสโมสรอย่างรวดเร็วหลังจากรัฐบาลอังกฤษ สั่งเดินหน้าในเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา
เชลซี แสดงออกว่าการซื้อขายสโมสรดังกล่าวไม่มีเงินของทุนรัสเซีย เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่เคยยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่า Clearlake Capital นั้นมีนักลงทุนซาอุ เป็นลูกค้ารายใหญ่