ลิเวอร์พูล ประกาศตัวเลขผลประกอบการกวาดรายได้เป็นสถิติสโมสรที่ 594 ล้านปอนด์ในซีซั่นที่แล้วและทำกำไรก่อนหักภาษีไป 7.5 ล้านปอนด์
ทืมดังแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์เปิดเผยตัวเลขของงบดุลปีล่าสุดออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาแบกภาระค่าเหนื่อยจากเดิม 314 ล้านปอนด์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 366 ล้านปอนด์หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นเกือบ 17 เปอร์เซนต์
สาเหตุที่ค่าเหนื่อยของพวกเขาสูงขึ้นก็เพราะช่วงนั้น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, อลิสซอน, สเตฟาน บายเซติช และ ดิโอโก้ โชต้า ต่างต่อสัญญาฉบับใหม่
พวกเขายังต้องจ่ายโบนัสอีกเพราะทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมป์บอลถ้วยได้สองรายการและเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกเป็นหนที่สามในรอบ 5 ฤดูกาล
มีเพียงแค่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้นที่มีภาระค่าเหนื่อยสูงกว่า ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2021-22 ซึ่งอยู่ที่ 384 ล้านปอนด์
รายได้ทั้งหมดของ “หงส์แดง” เพิ่มขึ้น 107 ล้านปอนด์มาอยู่ที่ 594 ล้านปอนด์หรือคิดเป็น 22 เปอร์เซนต์ มีเพียงแค่ เรอัล มาดริด (605 ล้านปอนด์) กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (619 ล้านปอนด์) เท่านั้นที่ทำรายได้เยอะกว่าพวกเขาในระดับโลก
รายได้จากทางด้านสื่อลดลงมา 5 ล้านปอนด์เหลือ 291 ล้านปอนด์ แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังมากกว่าคู่แข่งร่วมลีกเพราะพวกเขาผ่านเข้าสู่รอบลึกๆในทัวร์นาเมนต์ทั้ง 4 รายการ
สาเหตุที่ตัวเลขลดลงมาเล็กน้อยเป็นเพราะตัวเลขปีก่อนหน้าสูงกว่าปกติ หลังเงินที่พรีเมียร์ลีกติดค้างจาก 9 นัดสุดท้ายในซีซั่น 2019-20 เพราะโควิดระบาดนั้นถูกนำมาจ่ายในรอบบัญชีปีถัดมา
รายได้จากวันแข่งขันก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 86 ล้านปอนด์หลัง แอนฟิลด์ กลับมาเปิดให้แฟนบอลเข้าชมเต็มความจุ นั่นทำให้พวกเขามีรายได้จากวันแข่งขันมากเป็นอันดับสามของลีกตามหลัง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ (106 ล้านปอนด์) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (107 ล้านปอนด์)
รายได้จากโฆษณาก็เพิ่มขึ้น 29 ล้านปอนด์มาอยู่ที่ 247 ล้านปอนด์จากดีลสปอนเซอร์ 8 ราย, ยอดขายชุดแข่งทุบสถิติ รวมถึงการกลับมาเปิดสโตร์สโมสรและทัวร์สนามอีกครั้งหลังพ้นช่วงระบาดของโควิด
ลิเวอร์พูล ยังรั้งอันดับสามของทีมในอังกฤษกับรายได้จากทางด้านโฆษณาตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด (262 ล้านปอนด์) และ แมนฯ ซิตี้ (316 ล้านปอนด์)