ไมเคิ่ล ไนท์ตัน ซึ่งเคยเกือบซื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงปี 80 อ้างว่าเขากำลังวางแผนการระดมทุนยื่นข้อเสนอขอเทคโอเวอร์สโมสรต่อจากตระกูลเกลเซอร์ในเวลานี้
ตระกูลเกลเซอร์ ตกอยู่ใต้ความกดดันในการขายสโมสรอีกครั้งภายหลังแฟนๆ เตรียมนัดหมายชุมนุมประท้วงเขาเนื่องจากไม่พอใจการบริหารทีมซึ่งต่อเนื่องมาจากซีซั่นก่อน
แม้ไนท์ตัน เชื่อว่า เจ้าสัวอเมริกัน อาจไม่ขายสโมสรออกมา แต่การยื่นข้อเสนอของเขา เป็นการสะท้อนความไม่พอใจต่อการบริหารงานของแฟนบอล
“เราคือสโมสรที่อยู่ในวิกฤต เราทุกคนทราบดีว่าเหตุผลคืออะไร” ไนท์ตัน กล่าวผ่านช่องยูทูป
“เรามีเจ้าของทีมที่งี่เง่าและไร้ประโยชน์จริงๆ คนที่แทบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรในวงการฟุตบอลเลย”
“ทุกคนทราบดีว่าเราจำเป็นต้องมีเจ้าของสโมสรคนใหม่ และนั่นคือเป้าหมายหลักของผม”
“ผมกำลังเดินหน้าไปได้สวย พูดคุยกับผู้คนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ผมมีหลักประกันและฐานะทางการเงินที่ดี”
“ตอนนี้เรากำลังทำงานเรื่องเอกสารข้อเสนอ จำไว้นะว่ามันคือข้อเสนอที่ไม่เป็นมิตร ซึ่งอาจหมายความว่าสโมสรนั้นไม่ได้มีไว้ขายอย่างเป็นทางการ”
“แต่ความตั้งใจของผมคือการแสดงให้เจ้าของทีมเหล่านี้ได้เห็นข้อเสนอที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีศักยภาพและเป็นไปตามธุรกิจ ซึ่งจะบอกว่า “นายหมดหนทางแล้ว ได้เวลาไป เพราะหมดเวลาของนายแล้ว”
“เอาตรงๆคือ แฟนๆ ทั่วโลกพอแล้วกับการบริหารแบบนี้ ความตื่นเต้นต่อฤดูกาลใหม่ที่พวกเราทุกคนมีนั้น มันพังทลายหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นฟอร์มในเกมกับไบรจ์ตัน”
“เอาตรงๆคือ เราน่าจะเล่นแบบห้าวหาญ ซึ่งจะได้ผลการแข่งขันที่ดีกว่า สโมสรอยู่ในวิกฤต และยังคงอยู่ในอาการสาหัสหากยังอยู่กับเจ้าของทีมปัจจุบัน สถานการณ์เป็นแบบนั้น”
“แน่นอนว่าพวกเขาจะประท้วง มันเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาสามารถแสดงความหงุดหงิดใจออกมาได้ มันคือหนทางเดียวที่พวกเขาจะทำให้เจ้าของทีมรับฟังในท้ายที่สุด และตัดสินใจสุดท้ายที่จะขายหุ้นออกมา”
“กลุ่มทุนของผมพร้อมและเฝ้ารออยู่ มีการวางเงินทุนมัดจำมาแล้ว กำลังร่างเอกสารข้อเสนออยู่ และมันจะถูกยื่นไป”
“เรายังคงรอคอยท่านเซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ เข้ามาเป็นหัวหอก เพราะเขาจัดการปัญหาได้ทุกอย่างและทำให้งานของผมลดน้อยลง”
“แต่จนกว่า จิม จะเข้ามา กลุ่มทุนของผมก็จะยื่นข้อเสนอในอีกไม่นานนี้ ผมรับประกันได้เลยนะ”
ทั้งนี้ นักธุรกิจวัย 70 ปี เคยยื่นข้อเสนอซื้อ “ปีศาจแดง” ด้วยเงิน 20 ล้านปอนด์ เมื่อปี 1989 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของวงการฟุตบอลเมืองผู้ดีเวลานั้น โดยสุดท้ายเขาตัดสินใจเปลี่ยนข้อเสนอเป็นขอตำแหน่งในบอร์ดบริหารแทน