เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) เปิดสนาม แอนฟิลด์, เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนทัพจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้(พรีเมียร์ลีก) ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางห้องเครื่องกัปตันทีม อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ปีกความเร็วสูง และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ กองกลางห้องเครื่อง ยูริ ตีเลอมันส์ มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม และ เจมี่ วาร์ดี้ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม
นาที 6
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ทัพจิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่ ฮอลล์ แทงบอลทะลุช่องให้ แพทสัน ดาก้า ได้หลุดเข้าไปยิงเน้น ๆ ในเขตโทษฝั่งซ้าย ส่งบอลพุ่งแรงเข้ากรอบ ทว่าเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยืนคุมเสาแรกได้ดี ปัดทิ้งออกหลังเอาไว้ได้ทัน
นาที 9 GOAL!!!
ทีมเยือน จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่ไก่โห่เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ เจมส์ แมดดิสัน แทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งสอดหลุดเข้ามาก้มหน้ากดเลียดตามน้ำด้วยขวาเน้น ๆ แบบไม่จับผ่านมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบเสาไกลซ้ายมือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม
นาที 13 GOAL!!!
ทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างออกไปอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว แพตสัน ดาก้า ได้บอลหลุดขึ้นมาในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะปาดเลียดเข้ากลางไปที่หน้าปากประตูถวายพานให้ เจมี่ วาร์ดี้ ได้ซัดประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ วิ่งสอดมาแปด้วยขวาโล่ง ๆ ที่จุดนัดพบ เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย
นาที 19 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ทัพหงส์แดง ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 !!! จากจังหวะ เริ่มที่ คอสตาส ซิมิคาส ดันสูงหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัวบรรจงครอสโด่งไปยังเสาไกลให้ เนโก วิลเลี่ยมส์ โหม่งตั้งเข้ากลางมาให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่ยืนหันหลังให้ประตู ถอยมาเกี่ยวบอลลงแล้วดึงจังหวะแปะคืนหลังสั้น ๆ ชงให้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน วิ่งมากดด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อแบบไม่จับ ส่งบอลทะลุบล็อกกองหลัง แล้วพุ่งผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมเยือน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 32
ทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ วันนี้สวนกลับเร็วได้น่ากลัวจริง ๆ จังหวะนี้ บิลลี่ คูเมติโอ ทำพลาดเสียบอลตรงกลางสนาม แล้วเป็น เจมี่ วาร์ดี้ กระชากเร็วจี๋ขึ้นมาเอง เจ้าตัวแต่งบอลทะลุเข้าเขตโทษมี ไทเลอร์ มอร์ตัน วิ่งมาบังทางชะลอไว้ก่อน แต่สุดท้าย ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษก็ยังหาโอกาสสับไกจนได้ ทว่าผู้ตัดสิน แอนดี้ แมดลี่ย์ เป่าย้อนหลังว่ามีการฟาล์ไปก่อนแล้ว
นาที 33 GOAL!!!
ทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูหนีห่างออกไปอีกครั้งเป็น 3-1 !!! จากจังหวะ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ทำพลาดจ่ายเสีย บอลกระดอนเป็นใจมาเข้าทาง เจมส์ แมดดิสัน ได้สบโอกาสก้มหน้าบรรจงวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวดแล้วฮุคลงผ่านมือของ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบใต้คานเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 37
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล พยายามตั้งเกมรุกขึ้นมาใหม่ จังหวะนี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ถ่างออกมารับบอลบริเวณริมกรอบฝั่งขวา เจ้าตัวดึงจังหวะเปิดเลียดเข้าไปที่กลางประตูให้ ทาคูมิ มินามิโนะ วิ่งสอดหาช่องขึ้นมาเอาบอลได้สวย ก่อนจะเห็นเหลี่ยมกดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปเอง อย่างน่าเสียดาย
นาที 38
ทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูเพิ่ม เป็นจังหวะ ความผิดพลาดของ โจ โกเมซ ที่จับบอลลั่นทะลักไปเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ ได้ลากหลุดเดี่ยวทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะบรรจงยิงเล่นทางเน้น ๆ หนีมือ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทว่าบอลดันไปชนเสาไกลเต็ม ๆ กระเด้งอออกมาโดนแนวรับหงส์แดงตามมาช่วยเคลียร์เอาไว้ได้ทัน จิ้งจอกสยามพลาดโอกาสทองไปเองอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 45
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นประตูส่งท้าย จากจังหวะ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ ลากพาบอลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษได้สวย เจ้าตัวตัดสินขอลองสับไกด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่ายังไม่หนีมือเท่าไหร่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาล้มตัวรับเอาไว้ได้ทันไม่มีกระฉอก
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม หลังจากนั้นก็เป็นฝ่ายตั้งรับแล้วรอสวนกลับเร็วเป็นหลัก ส่วนทางเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ครองบอลได้มากกว่าเยอะก็จริง ทว่าผิดพลาดรายบุคคลวันนี้ทำให้ทีมโดนไปแล้วสามลูก สกอร์ตอนนี้ ลิเวอร์พูล 1 เลสเตอร์ 3 !!!
นาที 46
เปิดฉากครึ่งหลังมา เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล รีบแก้เกม ปรับหมากเปลี่ยนแผนทันที โดยการถอดเอาสามดาวรุ่งอย่าง คอนเนอร์ แบรดลี่ย์, ไทเลอร์ มอร์ตัน และ บิลลี่ คูเมติโอ ออกไปพัก ก่อนจะจัดการส่งสามตัวเก่งอย่าง ดีเอโก้ โชต้า, อิบราฮิมา โกนาเต้ และ เจมส์ มิลเนอร์ ลงสนามมาสร้างความแตกต่างแทน
นาที 52
ทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้ทักทายแบบจะแจ้งก่อนเลยในครึ่งหลัง จังหวะนี้ เคียร์แนน ดูว์สบิวรี่ ฮอลล์ พาบอลพลิ้วหนี เนโก วิลเลี่ยมส์ หลุดขึ้นมาได้ซัดด้วยขวาเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงตรงกรอบ ทว่าเป็น ควีวิน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังไม่พลาดง่าย ๆ ผวาปัดทิ้งออกไปได้ทัน
นาที 56
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มีโอกาสได้เสียว จากจังหวะสวนกลับเร็ว แล้วเป็น ทาคูมิ มินามิโนะ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวปาดเลียดไปที่กลางประตูให้กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้จับหนึ่งที ก่อนจะซัดเร็วไปติดบล็อกของ คักลาร์ โซยุนชู กองหลังทีมชาติตุรกี ที่อ่านเกมขาด ตามมาขวางทางปืน ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิวในจังหวะสุดท้าย
นาที 68 GOAL!!!
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีตื้น ไล่ขึ้นมาเป็น 3-2 !!! จากจังหวะที่ แนวรับทีมเยือนเคลียร์บอลกันไม่ขาด ปล่อยให้แถวสองทัพหงส์แดง จ่ายยัดมาที่บริเวณหัวกระโหลกให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ที่ยืนหันหลังให้ประตู ได้เบิ้ลบอลแทงทะลุช่องเร็วจังหวะเดียวให้ ดีโอโก้ โชต้า วิ่งสอดมาแตะบอล หลุดเดี่ยวเข้าไปถึงหน้าเสาแรกซ้ายมือ ก่อนจะก้มหน้ากดด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างเฉียบคม
นาที 75
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล โหมบุกอย่างหนัก จังหวะนี้ ดีโอ้ โชต้า พยายามลากตัดจากกราบขวา ทะลุเข้าไปในเขตโทษแล้วโดนสกัดออกมาเข้าทาง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน วิ่งมาหวดด้วยขวานอกกรอบแบบไม่จับ ทว่ากดบอลไม่ลง ผิดเหลี่ยมเหินข้ามคานออกไปเยอะ
นาที 78
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน แทงบอลเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ เนโก วิลเลี่ยมส์ สอดหลุดไปแต่งหนึ่งที ก่อนจะอัดมุมแคบด้วยขวาเต็มข้อ ส่งบอลพุ่งแรงเข้าหน้าต่างข้างตาข่าย หลุดเสาแรกออกไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย
นาที 83
เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล หวิดได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะ นาบี เกอิต้า สบโอกาสขอลองวางเท่าส่องไกลด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ ระยะกว่า 25 หลา ส่งบอลพุ่งแรงไปที่หน้าประตูเข้าทาง ดีโอโก้ โชต้า โฉบมาโหม่งเปลี่ยนทางเน้น ๆ ทว่าเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาปัดทิ้งเอาไว้ได้ทันอย่างไม่น่าเชื่อ
นาที 90+5 GOAL!!!
เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มาได้ประตูตีเสมอเป็น 3-3 !!! จากจังหวะที่ เจมส์ มิลเนอร์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่งจากทางริมเส้นฝั่งขวา ลอยลึกไปที่หน้าเสาไกลให้ ทาคูมิ มินามิโนะ ได้สอดมาพักอกเอาบอลลง ก่อนจะเอี้ยวตัวฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวา ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นหนีมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล ที่ไล่ตามตีเสมอทีมเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จเป็น 3-3 !!! ต้องตัดสินกันด้วยการยิงจุดโทษ ก่อนจะเป็นทัพหงส์แดง ที่ยิงได้แม่นกว่า ดวลเป้าเอาชนะไปด้วยสกอร์ 6-5 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปพบกับอาร์เซน่อล โดยจะต้องออกไปเยือนทัพปืนใหญ่ก่อน ในคืนวันพุธที่ 5 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้