เซฟโอเล่? “แมนยูไนเต็ด” บุกมาโดนทัพจิ้งจอกสยาม “เลสเตอร์” ไล่ขย้ำท้ายเกม 4-2

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพจิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม, เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดที่ 8 เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาเล่นในระบบ 3-4-1-2 นำทีมโดย ยูริ ตีเลอมันส์ มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม เจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์จอมซัดไกล และ เจมี่ วาร์ดี้ ดาวซัลโวตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ห้องเครื่องจอมลีลา บรูโน่ แฟร์นันด์ส เพลย์เมกเกอร์จอมถล่มประตู และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ศูนย์หน้าตัวเทพของทีม

นาที 10

เปิดฉากเกมมา ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกเข้าใส่กันทันที แล้วเป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ส่องเน้น ๆ ทักทายก่อน เป็นจังหวะ เจมส์ แมดดิสัน ได้บอลหลุดมาทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวพลิกหนี วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ตัดเข้าเขตโทษได้สวย ก่อนจะปั่นเร็วด้วยขวาพุ่งแรงไปตรงตัวของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน คว้าไว้ได้สบาย

นาที 13

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทักทายบ้างเหมือนกัน เป็นจังหวะ เมสัน กรีนวู้ด ลากบอลจี้ขึ้นมาเองจากกลางสนามถึงหน้าเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวบรรจงปั่นไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงไปตรงตัวของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 17

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดบอลโด่ง โค้งสวยลึกไปที่หน้าเสาไกล แล้วเป็น ปอล ป็อกบา วิ่งสอดมาเทคตัวขึ้นโหม่งคนเดียว แต่โดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บอลหลุดกรอบ ลอยเหินข้ามคานออกไปไกล แบบไม่ลุ้นอะไรเลย

นาที 19 GOAL!!!

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส จ่ายสั้น ๆ ให้ เมสัน กรีนวู้ด ได้ติดเครื่อง กระชากตัดจากกราบขวามาถึงหน้าเขตโทษด้านขวา ก่อนจะตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวด ติดไซด์ก้อยหนีมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เสียบสามเหลี่ยมเสาไกลซ้ายมือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงามสุด ๆ

นาที 21

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ทิโมธี กาสตาลเญ่ ลากขึ้นมายิงเองติดแนวรับกระดอนมาที่กลางประตูเข้าทาง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ซัดอีกทีก็ยังติดบล็อกกระเด้งออกมาที่หน้าหัวกระโหลกเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ ได้แต่งหนึ่งที ก่อนจะซัดเลียดด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ ทว่าบอลเบาแถมไปตรงตัวของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน ก้มรับไว้สบาย

นาที 27

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ เจมส์ แมดดิสัน วางบอลยาวข้ามฟากเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ริคาร์โด้ เปเรยร่า สอดมาครอสบอลเลียดจังหวะเดียวไปที่เสาไกลกะจะให้ เจมี่ วาร์ดี้ ได้วิ่งสอดมาพุ่งเข้าชาร์จจ่อ ๆ ทว่าเจ้าตัวเข้าถึงบอลช้าไปแค่นิดเดียวเท่านั้น พลาดโอกาสทองไปอย่างน่าเสียดาย ไม่งั้นใส่สกอร์ได้เลย

นาที 28

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกขึ้นมาทางฝั่งซ้าย เจดอน ซานโช่ ลากตัดทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะไหลสั้น ๆ เข้ากลางให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ พุ่งแรงไปตรงตัวของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาปัดทิ้งออกมาได้ทัน

นาที 29

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ เจดอน ซานโช่ เลี้ยงจี้ขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวตัดเข้าในแล้วไหลมาที่หัวกระโหลกให้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ปล่อยหลอกต่อให้ ปอล ป็อกบา วิ่งมาหวดด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งหลุดกรอบซ้ายมือออกหลังไปไกล

นาที 31 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ ความผิดพลาดของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เจ้าตัวทำเสียบอลให้กับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ทางกราบขวา ก่อนที่หัวหอกชาวไนจีเรีย จะไหลบอลสั้น ๆ มาที่เส้นหน้าเขตโทษด้านขวาให้ ยูริ ตีเลอมันน์ วิ่งมาปั่นด้วยขวาเน้น ๆ จังหวะเดียว ส่งบอลพุ่งแรง ลอยโด่งโค้งสวยแล้วมุดเสียบสามเหลี่ยมซ้ายมือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 40

หลังจากตีเสมอได้สำเร็จ เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เรียกความความมั่นใจได้เป็นกอง จังหวะนี้้เกือบแซงขึ้นนำ เมื่อ ยูริ ตีเลอมันส์ แทงบอลสวนกลับมาที่หัวกระโหลกให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้แต่งบอลหนึ่งที ก่อนจะซัดหักข้อด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลแรงกระดอนพื้น พุ่งเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว

นาที 45+4

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ เล่นสั้นส่งมาให้ เจมส์ แมดดิสัน จิ้มบอลโด่งข้ามแนวรับเข้าไปที่หน้าเสาไกลขวามือจังหวะเดียวให้ เจมี่ วาร์ดี้ วิ่งโฉบมากำลังจะได้ซัดจ่อ ๆ ทว่าโดน เมสัน กรีนวู้ด ตามมากระแทกจากด้านหลัง ทำให้เสียจังหวะ หวดวืดไปอย่างน่าเสียดาย

หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสนุกสูสี เป็นทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน สุดท้ายเป็นเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่อาศัยลูกสวนกลับเร็วตามสไตล์ ฮึดไล่ตามตีเสมอได้สำเร็จ สกอร์ตอนนี้ เลสเตอร์ 1 แมนยู 1 !!!

นาที 46

เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แค่นาทีเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ลุ้นก่อนเลย เป็นจังหวะ ยูริ ตีเลอมันส์ เบียดแย่งบอลจาก เจดอน ซานโช่ หลุดขึ้นมาไหลต่อเข้ากลางให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ได้ลากลุยเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะซัดเร็วไปตรงตัวของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน ตะปบเอาไว้ได้ทัน

นาที 53

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ฟรีคิกระยะอันตราย ประมาณ 25 หลา หน้ากรอบเขตโทษตรงกลาง แล้วเป็น เจมส์ แมดดิสัน รับอาสา วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ทว่าบอลพุ่งไปติดกำแพง กระดอนออกมาเข้าทางเจ้าตัวได้หวดวอลเลย์ซ้ำอีกที คราวนี้ลอยโด่งข้ามคานออกไปไกล

นาที 55

ทีมเยือน ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ แนวรับเลสเตอร์ เคลียร์ไม่ขาด บอลชุลมุนขลุกขลิกที่หน้าเขตโทษเข้าทาง เนมานย่า มาติช วิ่งมาตะบันด้วยซ้ายเต็มข้อสวนกลับเข้าไป บอลพุ่งแรงเป็นจรวดหนีมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เฉียดคานหลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 65

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตามไปเก็บบอลทางกราบขวา ก่อนจะหยอดโด่งเข้าไปในเขตโทษให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ล้มตัวซัดติดบล็อก ชุลมุนขลุกขลิกกระดอนมาเข้าทาง เมสัน กรีนวู้ด ได้ซ้ำจ่อ ๆ ระยะเผาขน ทว่าเป็น แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ทิ้งตัวใช้ขาสกัดออกหลังได้ทันหวุดหวิด

นาที 76

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำเหมือนกัน เป็นจังหวะ เนมานย่า มาติช ไปเสียบอลให้ ยูริ ตีเลอมันส์ ได้ลากจี้มาถึงหัวกระโหลก ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยไปที่เสาไกลซ้ายมือ แต่ติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน บินไปปัดบอลปลิ้นไปชนเสาเต็ม ๆ กระเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย

นาที 77

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ เจมี่ วาร์ดี้ แทงบอลทะลุช่องให้ แพตสัน ดาก้า ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้หลุดไปวางเท้ายิงเน้น ๆ ด้วยขวาในเขตโทษทันที ทว่าเป็น ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยังอ่านเกมได้ดี วิ่งออกมาปิดมุมเร็ว ทิ้งตัวบล็อกบอลเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว ก่อนที่กองหลังจะช่วยกันเคลียร์ทิ้งออกไป

นาที 78 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-1 !!! เป็นจังหวะได้เตะมุมทางฝั่งขวา ยูริ ตีเลอมันส์ เปิดบอลโด่งลึกมาที่หน้าเสาไกลให้ แพตสัน ดาก้า ถอยมาจับบอลลง ก่อนจะฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งกระดอนไปติดเซฟของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน ใช้ขาสกัดออกมาแฉลบคู่แข่งไปเข้าทาง คักลาร์ โซยุนชู ได้ซ้ำจ่อ ๆ ที่หน้าเสาขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย 

นาที 82 GOAL!!!

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาได้ประตูตามตีเสมอเป็น 2-2 !!! เป็นจังหวะ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ วางบอลยาวจากแดนตัวเอง ไปที่หน้าเขตโทษให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้สปีดแซงกองหลังไปจับบอลลงนิ่ม ๆ ก่อนจะลากบอลหลุดเดี่ยวเข้าไปล่อเป้า บรรจงซัดด้วยขวาเน้น ๆ สวนตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 83 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งทันควัน 3-2 !!! เป็นจังหวะ อโยเซ่ เปเรซ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้บอลลากจี้เข้าใส่ตัวประกบในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะเห็นช่องแล้วจิ้มเร็วเข้ากลางให้ เจมี่ ซาร์ดี้ ได้ซัดด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อยหนีมือ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาไกลขวามือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 90+1 GOAL!!!

ช่วงก่อนหมดเวลา เจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 4-2 !!! เป็นจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย ยูริ ตีเลอมันส์ เปิดบอลโค้งไปที่เสาแรกเข้าทาง ปอล ป็อกบา โหม่งสกัดผิดเหลี่ยม พุ่งแฉลบเลยไปที่เสาไกลเข้าทาง แพตสัน ดาก้า ได้ซ้ำจ่อ ๆ ระยะเผาขนเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก 

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยสกอร์ 4-2 !!! เขยิบขึ้นมารั้งอันดับที่ 11 ของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนเบรนท์ฟอร์ด ในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 5 ของตาราง นัดต่อไป จะเปิดบ้านทำศึกแดงเดือดกับลิเวอร์พูล ในวันเดียวกันแต่คนละเวลา