เบนเซม่าซัดเบิ้ล!! ยิงลูกที่สามร้อยเอ็ดให้ตัวเอง ช่วย “เรอัล มาดริด” เปิดบ้านถล่ม “บาเลนเซีย” ไปได้4-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เปิดสนาม ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว, กรุงมาดริด ประเทศสเปน ต้อนรับการมาเยือนของทัพค้างคาว บาเลนเซีย ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา 

เกมนี้ เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย โทนี่ โครส กองกลางตัวคุมจังหวะเกม วินิซิอุส จูเนียร์ ตัวจี๊ดริมเส้นความเร็วสูง และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวจบสกอร์ของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน บาเลนเซีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เปเป้ โฆเซ่ บอร์ดาลาส มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย อูโก้ กียาม่อน กองกลางห้องเครื่อง เอลแดร์ กอสต้า ปีกตัวจี๊ด และ มักซี่ โกเมซ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

นาที 6

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่ได้ทักทายก่อน แถมเกือบได้ประตูขึ้นนำเร็ว เป็นจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษทางฝั่งขวา โทนี่ โครส รับหน้าที่ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูเข้าไปหน้าประตู แล้วเป็น เอแดร์ มิลิเตา ได้เทคตัวขึ้นโขกเน้น ๆ เต็มกบาล ส่งบอลพุ่งแรงแต่ทิศทางไม่หนีตัวเท่าไหร่ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดเอาไว้ได้ทัน

นาที 12

ทีมเยือน ทัพค้างคาว บาเลนเซีย ได้ทักทายบ้าง จากจังหวะ กอนซาโล่ เกเดส ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะครอสโด่ง ลอยลึกไปที่เสาไกลให้ อูโก้ กียาม่อน สอดมาได้โขกแต่บอลเบาแถมตรงตัวของ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเข้าซองเอาไว้ได้สบายมือ

นาที 16

ทีมเยือน บาเลนเซีย ได้ลุ้นต่อเนื่อง จากจังหวะที่ กอนซาโล่ เกเดส รับบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย เจ้าตัวโยกหาเหลี่ยม ก่อนจะสบโอกาสขอลองส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งเลียดกระดอนพื้นเข้ากรอบ ทว่าทิศทางก็ยังไม่หนีมือเท่าไหร่ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทิ้งตัวเซฟเอาไว้ได้อย่างไม่ยากเย็น

นาที 17

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ คาเซมิโร่ กระชากพาบอลสวนกลับเร็วจากกลางสนามขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษด้านขวา ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจขอลองสับไกด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบทันที ส่งบอลพุ่งเลียดน้ำหนักดีแต่บดไปหน่อย สุดท้ายบอลปลิ้นหลุดเสาออกหลังไปไกล ชนิดไม่ได้ลุ้นอะไรเลย

นาที 19

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ เติมสูงขึ้นมารับบอลทางริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวมีพื้นที่มีเวลา ตั้งป้อมบรรจงตักเข้าไปที่กลางประตูย้อนหลังไปนิดทำให้ วินิซิอุส จูเนียร์ ต้องเขยิบถอยมาโขกโดนไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ สุดท้ายกดไม่ลง บอลเหินข้ามคานออกไปอีกครั้งหนึ่ง

นาที 28

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ได้เป็นฝ่ายบุกอย่างต่อเนื่องแต่ยังเจาะไม่เข้า จังหวะนี้ เอแดร์ มิลิเตา เติมสูงขึ้นมา สบโอกาสขอลองส่องไกลด้ววขวาเน้น ๆ หน้ากรอบเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้น แต่ทิศทางยังไม่มุมพอที่จะผ่านเซฟของ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน พุ่งไปป้องกันเอาไว้ได้สบาย

นาที 30

เกมดำเนินมาครบครึ่งชั่วโมง เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด เริ่มเครื่องร้อน ครองบอลบุกได้อยู่ฝั่งเดียว จังหวะนี้ ลูก้า โมดริช บรรจงตักบอลทะลุช่องข้ามแนวรับเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาให้ มาร์โก อาเซนซิโอ้ วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้า หลุดเข้าไปตวัดยิงเร็วทันที ทว่าเป็น เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่วันนี้ยังยืนตำแหน่งได้ดี ทิ้งตัวใช้ขาสกัดเคลียร์ทิ้งออกหลังไปได้ทัน เสียเป็นเตะมุม

นาที 33

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ ลูกัส บาสเกซ ดันสูงสอดขึ้นมารับบอลที่สุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนจะครอสพุ่งไปที่หน้าเสาแรกให้ คาเซมิโร่ โฉบมาโขกเน้น ๆ แต่โดนไม่ดีเท่าไหร่ บอลผิดเหลี่ยม ลอยหลุดออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 35

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ดันสูงพาบอลขึ้นมาเองทางกราบซ้าย เจ้าตัวไหลหักมาที่หน้าเขตโทษสั้น ๆ ให้ คาริม เบนเซม่า ได้แต่งหาเหลี่ยมเข้าขวา ก่อนจะบรรจงวางเท้าปั่นไซด์โป้งเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน เฉี่ยวเสาไกลขวามือ หลุดกรอบออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 40

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ต่อบอลขึงเกมรุกมาถึง วินิซิอุส จูเนียร์ ในเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวโดนขวางก่อนจะเหลือบไปเห็น ลูก้า โมดริช ยกมือขอบอลเลยจ่ายขวางสนามไปให้บริเวณบนเส้นหน้ากรอบฝั่งขวา จอมทัพชาวโครแอต โยกหาจังหวะยิงตัดเข้ากลางมาเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย ก่อนจะสบโอกาสซัดเน้น ๆ ที่กลางประตู ส่งบอลพุ่งแรงไปชนคานอย่างจัง บอลกระเด้งพื้นสปินออกมาอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 43 GOAL!!!

จนแล้วจนรอด เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำจนได้เป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว คาเซมิโร่ ฉกได้แล้วกระชากลุยเข้าไปเองที่กลางประตู ก่อนจะล็อคแล้วโดน โอมาร์ อันเดเรเต้ ขัดขาล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพราชันชุดขาวทันทีแบบไม่ลังเล แล้วก็เป็น คาริม เบนเซม่า รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด ช็อตนี้ถือว่าดาวยิงชาวฝรั่งเศส สร้างสถิติยิงประตูแตะ 300 ลูกในสีเสื้อของสโมสรอีกด้วย

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ทัพราชันชุดขาว ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึง 66 เปอร์เซ็นต์ พับสนามขึงเกมรุกบุกใส่ทีมเยือน ทัพค้างคาว อยู่แทบจะฝั่งเดียว ยิงประตูออกนำไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ เรอัล มาดริด 1 บาเลนเซีย 0 !!!

นาที 52 GOAL!!!

เปิดฉากครึ่งหลังมาได้แค่แปปเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ที่มาได้ประตูหนีห่างอย่างรวดเร็วเป็น 2-0 !!! จากจังหวะความยอดเยี่ยมของ วินิซิอุส จูเนียร์ รับบอลขึ้นมาทางซ้าย เจ้าตัวลากตัดเข้ากลางแล้วทำชิ่ง 1-2 กับ คาริม เบนเซม่า ก่อนจะแตะอ้อมกองหลังหลุดเดี่ยวไปที่กลางประตูอย่างสวย ได้ล่อเป้า แปด้วยขวาโล่ง ๆ จ่อ ๆ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 61 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด มาได้ประตูเพิ่มเป็น 3-0 !!! จากจังหวะ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว คาริม เบนเซม่า ลากจี้ขึ้นมาแทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ มาร์โก อาเซนซิโอ้ วิ่งสอดหลุดเข้าไปซัดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งไปติดเซฟของ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดกระฉอกลอยเลยมาที่กลางประตูเข้าทางปืนของ วินิซิอุส จูเนียร์ ได้โฉบมาโขกจ่อ ๆ ระยะเผาขน เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในนัดนี้อีกด้วย

นาที 63

ทีมเยือน บาเลนเซีย ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ โฆเซ่ กาย่า เติมสูงขึ้นมาเปิดจากซ้ายเข้าไปที่กลางประตูโดน คาเซมิโร่ โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ดาเนี่ยล วาสส์ สบโอกาสได้ขอลองซัดแถวสอง แต่งหนึ่งทีแล้วบรรจงวางเท้าฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงเป็นจรวด ทำท่าจะมุดเสียบใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น ติโบลต์ กูร์กตัวส์ นายทวารเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปชกทิ้ง ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 64

ทีมเยือน บาเลนเซีย ได้ลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย กอนซาโล่ เกเดส บรรจงเปิดเข้าที่กลางประตูโดน โทนี่ โครส โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ดาเนี่ยล วาสส์ เจ้าเก่า ได้ตั้งป้อมวอลเลย์แถวสองด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบอีกครั้ง คราวนี้บอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่มุดช้าไปนิด สุดท้ายเหินเฉียดข้ามคาน หลุดออกหลังไปนิดเดียว ชนิดได้เสียวสุด ๆ

นาที 76 GOAL!!!

ทีมเยือน บาเลนเซีย มาได้ประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 3-1 !!! จากจังหวะ โฆเซ่ กาย่า บรรจงครอสบอลโด่ง โค้งสวยจากทางฝั่งซ้ายเข้าไปที่หน้าประตู แล้วเป็น มาร์กอส อันเดร กำลังจะได้ชาร์จจ่อ ๆ แต่ดันโดน แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ดึงเสื้อล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพค้างคาวทันที แล้วเป็น กอนซาโล่ เกเดส รับหน้าที่สังหาร ยิงพลาดติดเซฟกระเด้งกลับมาเข้าทางเจ้าตัว ได้โหม่งซ้ำเหน่ง ๆ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างง่ายดาย

นาที 78

ทีมเยือน บาเลนเซีย ดูเหมือนจะได้ใจ เล่นกันได้อย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จังหวะนี้เกือบได้ลูกที่สอง เมื่อ ดาเนี่ยล วาสส์ คนเดิม สบโอกาสวางเท้าส่องไกลด้วยขวาหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้าย ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแถมติดส่ายหนีมือ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ไปได้แล้ว ทว่าบอลลอยเฉียดเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 85

ทีมเยือน บาเลนเซีย บุกขึ้นมาอีกระลอกเกือบได้ประตูที่สอง เป็นจังหวะ อูโก้ กียาม่อน จ่ายบอลมาที่หน้าเขตโทษให้ มานู บาเยโฆ่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ได้ขอลองวางเท้าซัดด้วยขวานอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงได้น้ำหนักแถมตรงกรอบ ทว่าเป็น ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังไม่พลาดง่าย ๆ พุ่งไปเซฟเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 88 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด มาได้ประตูปิดกล่องเป็น 4-1 !!! จากจังหวะ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ดันสูงสอดขึ้นมารับลูกแทงที่บริเวณริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวปาดเลียดจังหวะเดียวเข้าไปที่กลางประตูให้ คาริม เบนเซม่า ได้จับบอลหนึ่งที่บริเวณจุดโทษ ก่อนจะม้วนตัวตวัดยิงด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย เสียบเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างเฉียบคม เป็นประตูลูกที่ 301 ของเจ้าตัวที่ยิงให้กับทัพราชันชุดขาวอีกด้วย

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด เปิดบ้านไล่ถล่มเอาชนะทีมเยือน บาเลนเซีย ไปได้ด้วยสกอร์ 4-1 !!! รั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเอลเช่ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2565 ส่วนทางด้านบาเลนเซีย รั้งอันดับที่ 10 ของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเซบีย่า ในคืนวันพุธที่ 19 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้