เบนเซม่าซัดไม่หยุด!! “เรอัล มาดริด” เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ “แอธ บิลเบา” ไปได้แบบหืดจับ 1-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เปิดสนาม เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบอร์นาบิว, กรุงมาดริด ประเทศสเปน ต้อนรับการมาเยือนของทีม แอธเลติก บิลเบา ในศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน นัดที่ 15 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย คาร์ลอส เอ็นรีเก้ คาเซมิโร่ กองกลางตัวรับจอมขยัน โทนี่ โครส มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวความหวังสูงสุดของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์เซลีโน่ การ์เซีย โตรัล มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย อีเกร์ มูเนียอิน เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม ดานี่ การ์เซีย กองกลางห้องเครื่อง และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

นาที 4

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะต่อบอลทำชิ่งกันขึ้นมาถึงริมกรอบฝั่งซ้าย แฟร์ล็องด์ เมนดี้ เติมสูงขึ้นมาตั้งป้อมบรรจงเปิดโด่งเข้าไปที่กลางประตูโดน อูไน นูเนซ โหม่งเคลียร์ลอยเลยออกมาในเขตโทษฝั่งขวาเข้าทาง มาร์โก อเซนซิโอ้ ได้พักอกแล้วซัดด้วยซ้ายหักข้อ ส่งบอลพุ่งไปติดบล็อกเต็ม ๆ กระดอนออกหลังได้เป็นเตะมุม

นาที 7

เจ้าถิ่นเรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ หลุดขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหาช่อง ก่อนเปิดบอลโค้งไปที่เสาไกลขวามือให้ คาริม เบนเซม่า โฉบมาทิ้งตัวดีดจ่อ ๆ ด้วยขวา ทว่าโดนดึงทำให้โดนไม่เต็มเท่าไหร่ บอลเบาไม่หนีตัวเท่าไหร่ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว สุดท้ายตามมาคว้าสบาย ๆ

นาที 12

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ คาริม เบนเซม่า ลากจี้มาทำชิ่ง 1-2 กับ วินิซิอุส จูเนียร์ ตวัดส่งคืนกลับมาถึงศูนย์หน้าทีมชาติฝรั่งเศส ได้จับบอลให้ลอยขึ้นไปถึงบริเวณสุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนที่เจ้าตัวจะตามไปดีดจ่อ ๆ ด้วยขวามุมแคบยัดไปที่เสาแรก ส่งบอลพุ่งไปติดขาของ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนปิดมุมเอาไว้อยู่แล้ว กระเด้งออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม

นาที 18

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ ได้ลูกฟรีคิกริมกรอบเขตโทษเกือบ ๆ มุมธงฝั่งขวา อีเกร์ มูเนียอิน เปิดปั่นโค้งเข้าไปที่กลางประตูโดน เอแดร์ มิลิเตา โหม่งเคลียร์ลอยออกมาที่หน้าหัวกระโหลกเข้าทาง อินญิโก้ เลกูเอ้ วิ่งมาหวดด้วยขวาแบบไม่จับสวนกลับเข้าไป ทว่าบอลไต่หลังเท้า ปลิ้นติดไซด์ก้อย พุ่งถากเสาขวามือหลุดออกหลังไป ไม่ได้ลุ้นอะไรมาก

นาที 23

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ อีเกร์ มูเนียอิน วางบอลยาวมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้าย แล้วเป็น เอแดร์ มิลิเตา ที่กะจังหวะบอลพลาดโดน อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ชิงเหลี่ยมแตะบอลตัดเข้าในเข้าไปที่กลางประตู ก่อนจะง้างเท้าซัดช้าไปหน่อยถูก เอแดร์ มิลิเตา ตามมาแก้ตัว สไลด์แหย่ขาบล็อกบอลเปลี่ยนทางเฉียดเสาขวามือ หลุดออกหลังไปนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 24

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา น่าจะได้ประตูขึ้นนำแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน สาดบอลยาวมาที่หน้าเขตโทษ แล้วเป็น ดาวิด อลาบา ที่แจกส้ม ไม่ยอมเล่นบอล ปล่อยผ่านกะจะให้กับนายทวารทีมตัวเอง ก่อนจะเป็น อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ วิ่งโฉบมาจากไหนไม่รู้ หลุดไปได้ดวลเดี่ยวตัวต่อตัวกับ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทว่าจังหวะสุดท้ายเจ้าตัวดันมาตกม้าตาย จับบอลพันแข้งพันขา ทำบอลลั่นกระดอนหลุดออกหลังไปเอง ชนิดน่าเขกกระโหลกสุด ๆ

นาที 25

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จากจังหวะ วินิซิอุส จูเนียร์ หยอดบอลยาวข้ามฟาก เปลี่ยนแกนมาที่มุมกรอบเขตโทษด้านขวาให้ มาร์โก อเซนซิโอ้ ได้โยกตัดเข้าในแต่งเข้าเหลี่ยมเท้าซ้าย ก่อนจะบรรจงปั่นไซด์โป้งเน้น ๆ หน้าเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่ดันไปตรงตัวของ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับสบาย

นาที 27

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ได้ฟรีคิกบริเวณกึ่งกลางสนาม เยื้อง ๆ ไปทางขวา อีเกร์ มูเนียอิน บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปยังพื้นที่ว่างหน้าประตู แล้วเป็น ราอูล การ์เซีย วิ่งสอดมาที่จุดนัดพบ ได้ทิ้งตัวพุ่งโหม่งจ่อ ๆ แต่เป็น ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ยืนตำแหน่งได้ดี โชว์ซุปเปอร์เซฟ ทิ้งตัวใช้ขาป้องกันเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 28

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ ลูก้า โมดริช ไหลบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ คาริม เบนเซม่า พลิกมาได้แล้วขอลองตั้งป้อมส่องไกลด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงติดไซด์ก้อย ลอยหลุดเสาแรกขวามือ กระดอนออกหลังไปไกล

นาที 33

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อีเกร์ มูเนียอิน บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น อูไน นูเนซ สอดมาเทคตัวขึ้นโขกสะบัดคนเดียวเหน่ง ๆ ทว่ากดไม่ลง ส่งบอลเหินข้ามคาน หลุดกรอบลอยออกหลังไปไกล ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำซะที

นาที 37

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ โทนี่ โครส ลากจี้ขึ้นมาเองแล้วจ่ายออกซ้ายให้ แฟร์ล็องด์ เมนดี้ ดึงจังหวะไหลทำชิ่ง 1-2 คืนมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายตั้งให้กองกลางทีมชาติเยอรมัน วิ่งปรี่มาตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแถมติดไซด์ก้อย ทว่าดันไปตรงตัวของ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน รับเข้าซองเอาไว้ได้สบาย

นาที 39

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ทำชิ่งกันสวยหลุดขึ้นมาทางริมกรอบฝั่งซ้ายที่ แฟร์ล็องด์ เมนดี้ ตั้งป้อมเปิดเข้ากลางโดน อูไน นูเนซ โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง โทนี่ โครส วิ่งมาหวดวอลเลย์ด้วยขวาเน้น ๆ สวนกลับเข้าไปแบบไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวทำท่าจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่เป็น อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยังยืนตำแหน่งได้ดี ผวาปัดเอาไม่อยู่ บอลกระฉอกเกือบจะเข้าประตู ทว่ามือกาวทีมชาติสเปน ยังตามมาเซฟเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด อีกครั้งหนึ่ง 

นาที 40 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ ต่อบอลทำชิ่งกันขึ้นมาสวยทางกราบซ้าย วินิซิอุส จูเนียร์ ไหลบอลมาที่หัวกระโหลกต่อให้ มาร์โก อเซนซิโอ้ ได้แต่งหนึ่งที ก่อนจะซัดเลียดเล่นทางเน้น ๆ ย้อนศรไปที่เสาซ้ายมือติดเซฟของ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาพุ่งไปปัดได้เฉียดฉิว บอลกระฉอกออกมาที่หน้าเสาแรกเข้าทาง ลูก้า โมดริช ซัดแปกโดนเฉือน ๆ กลายเป็นดีกระดอนมาที่กลางประตูถึง คาริม เบนเซม่า ได้ซัดโล่ง ๆ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างง่ายดาย

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดถึง 72 เปอร์เซ็นต์ ทว่าทางฝั่งทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ก็ไม่น้อยหน้า บุกขึ้นมาแต่ละทีก็ได้ลุ้นไม่แพ้กัน ทั้งสองฝ่ายถือว่ายังสู้กันได้อย่างสนุกสูสี อย่างไรก็ดี ทัพราชันชุดขาว ยิงประตูออกนำไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ มาดริด 1 บิลเบา 0 !!!

นาที 47

เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ที่ได้ลุ้นก่อน จากจังหวะ ต่อบอลทำชิ่งกันขึ้นมาตรงกลางถึงหน้าหัวกระโหลก อีเกร์ มูเนียอิน ไหลมาที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ ออเอร์ ซาร์ราก้า ได้โยกแต่งหาช่องเข้าขวา ก่อนจะขอลองส่องไกลเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้นหนีมือ ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เฉียดเสาไกลซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

นาที 55

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ต่อบอลขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน จังหวะนี้ ลูกัส วาซเกซ จ่ายตัดจากขวามาที่หน้าเขตโทษให้ ลูกค้า โมดริช ไขว้ส่งกลับหลังมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ โทนี่ โครส วิ่งมาวางเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ อูไน ซิมอน ผู้รักษาประตูทีมเยือน เฉียดเสาแรกขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 60

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอ เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ดึงจังหวะรอเพื่อนที่หน้าเขตโทษแล้วแทงทะลุช่องให้ ราอูล การ์เซีย สอดขึ้นมารับบอลทางริมกรอบฝั่งขวา ก่อนจะเปิดเลียดเข้าไปที่กลางประตูให้ ดานี่ การ์เซีย วิ่งสอดมาซัดด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ทว่าเป็น ลูกัส วาซเกซ วิ่งมาสไลด์ขวางทางปืน บล็อกบอลได้เต็ม ๆ ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 63

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา บุกขึ้นมาทางกราบซ้ายที่ อีเกร์ มูเนียอิน โยกเข้าขวา ก่อนจะครอสโด่งเข้าไปที่กลางประตูให้ ราอูล การ์เซีย ได้สอดมาโหม่งสะบัดคนเดียวเน้น ๆ แต่โดนไม่ดีเท่าไหร่ โขกบอลลอยโด่งแล้วย้อยไปตกหลังคาน หลุดออกหลังไปชนิดได้เสียว

นาที 64

เจ้าถิ่น เรอัล มาดริด รูปเกมเหมือนจะตื้อ ๆ ลงไป เดือดร้อนถึง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือมากประสบการณ์ ต้องปรับหมากด้วยการถอดเอา มาร์โก อเซนซิโอ้ ออกไปพัก แล้วจัดการส่ง โรดรีโก้ ตัวจี๊ดริมเส้นความเร็วสูง ลงสนามมาเล่นแทน

นาที 69

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมออีกแล้ว เป็นจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกบริเวณกึ่งกลางสนาม เยื้อง ๆ ไปทางซ้าย อีเกร์ มูเนียอิน บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยมาที่หน้าประตู แล้วเป็น อูไน นูเนซ ได้โฉบมาโหม่งสะบัดจ่อ ๆ ตรงกลางระยะเผาขน ทว่าเช็ดโดนบอลบางเกินไปหน่อย ส่งบอลผ่านหน้าปากประตู หลุดเสาไกลขวามือ กระดอนออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 76

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ ความยอดเยี่ยมของ ไอฮาน ซานเซ็ต ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา รับบอลทุ่มทางขวามา ก่อนจะพลิกบอลหนี คาร์ลอส เอ็นรีเก้ คาเซมิโร่ ตัดเข้าไปที่กลางประตูได้สวย เจ้าตัวล็อคหลบ ดาวิด อลาบา อีกทีหลุดไปถึงหน้าเสาแรกขวามือ สุดท้ายได้ซัดมุมแคบด้วยขวาจ่อ ๆ ทว่าต้องชม ติโบลต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่โชว์ซุปเปอร์เซฟ ออกมาปิดมุมได้ไว ทิ้งตัวป้องกัน ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 79

ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมาตรงกลาง จังหวะนี้ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ กระชากพาบอลขึ้นมาเอง เจ้าตัวพลิ้วหนี คาร์ลอส เอ็นรีเก้ คาเซมิโร่ หลุดมาถึงหน้าหัวกระโหลกได้สวย ก่อนจะโยกซัดเร็วด้วยขวานอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรง เหินข้ามคาน ลอยหลุดออกหลังไปไกล แบบไม่ได้ลุ้นเลย

นาที 86

ช่วงท้ายเกม ทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา จวนเจียนจะได้ประตูตีเสมออีกครั้ง จากจังหวะ ออเอร์ ซาร์ราก้า รับบอลมาแล้วแทงตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ออสการ์ เด มาร์กอส สอดไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะล็อคกลับมาเปิดยัดเข้าไปที่กลางประตูให้ มิเกล เบสก้า ถอยมาโขกสะบัดเน้น ๆ จ่อ ๆ ทว่าเป็น เอแดร์ มิลิเตา วิ่งมาใช้หน้าอกบล็อกบอลได้เต็ม ๆ ที่หน้าปากประตู ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน แอธเลติก บิลเบา ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! นำโด่งจ่าฝูงของตาราง ทิ้งห่างทีมอันดับที่สองห่างเป็น 7 คะแนน โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนเรอัล โซเซียดาด ในคืนวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 ส่วนทางด้านแอธเลติก บิลเบา รั้งอันดับที่ 8 ของตาราง นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนเคตาเฟ่ ในคืนวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2564 ที่จะถึงนี้