เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส) เปิดสนาม ปาร์ก เดส์ แพร็งส์, กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต้อนรับการมาเยือนของทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป เอ นัดที่ 2 เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 28 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดยสามประสานอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงตัวเทพ เนย์มาร์ กองหน้าจอมลากเลื้อย และ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ศูนย์หน้าดาวซัลโวของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย รูเบน ดิอาส ปราการหลังตัวแกร่ง เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์จอมแอสซิสต์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้ากึ่งปีกตัวความหวังของทีม
นาที 8 GOAL!!!
เปิดฉากครึ่งแรกเพียงไม่นาน เป็นเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วเป็น 1-0 !!! เป็นจังหวะเริ่มที่ อัชราฟ ฮาคิมี่ ไหลบอลตัดหลังแนวรับให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งสอดหลุดเข้าไปเอาบอลที่สุดเส้นหลังในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะหักย้อนมาที่หน้ากรอบ 6 หลาให้ เนย์มาร์ วิ่งมาซัดด้วยขวาผิดเหลี่ยมโดนแปก ๆ บอลปลิ้นมาที่หน้าเสาไกลเข้าทาง อิดริสซ่า กาน่า เกย์ ได้แต่งเข้าในหนึ่งทีแล้วตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อ ตูมเดียวส่งบอลเสียบหน้าต่างเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม
นาที 15
หลังจากเสียประตูเร็ว เป็นทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่โหมบุกอย่างหนัก หวังทวงประตูคืนให้ได้ไว ๆ โดยรูปเกมเป็นทางทัพเรือใบที่ครองบอลได้เยอะกว่าตามคาด เพราะเป็นสไตล์ของทีม ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถือว่ายังคงตั้งเกมรับกันได้อย่างเหนียวแน่น
นาที 25
เกมดำเนินมาถึงครึ่งทางของครึ่งแรก ทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสนุกสูสี เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ครองบอลได้มากขึ้น อีกทั้งยังได้เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง พาบอลเข้าไปในพื้นที่อันตรายได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังเจาะแนวรับทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เข้าเหมือนกัน สกอร์ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!
นาที 26
ทีมเยือน ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูตีเสมอไปถึงสองครั้งติด ๆ กัน เป็นจังหวะ เควิน เดอ บรอยน์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตูให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง โหม่งเหน่ง ๆ พุ่งผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ไปชนคานอย่างจังกระเด้งออกมาเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ซ้ำจ่อ ๆ ไม่ถึง 5 หลา ทว่าผิดเหลี่ยมแปไปชนคานอีกทีอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 29
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามโหมบุกอย่างหนัก จังหวะนี้ ริยาด มาห์เรซ เก็บตกได้ทางริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวโยกเปิดไซด์โค้งด้วยซ้ายเข้าไปที่กลางประตู บอลชุลมุนขลุกขลิกกำลังจะเข้าทางผู้เล่นทัพเรือใบ ทว่าเป็น อันเดร์ เอร์เรร่า วิ่งมาหวดทิ้งออกหลัง ช่วยทีมเอาไว้ได้ทัน ยอมเสียเป็นเตะมุม
นาที 31
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา หยอดเข้าไปในเขตโทษให้ ริยาด มาห์เรซ ซัดติดบล็อกกระดอนออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ชูเอา คันเซโล่ วิ่งมาตะบันด้วยซ้ายเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ระยะประมาณ 20 หลา บอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่ดันไปตรงตัวของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับหนึบเข้าซองเอาไว้ได้สบาย
นาที 35
เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง บุกขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย จังหวะนี้ นูโน่ เมนเดส ดันสูงกระชากขึ้นมาเอง เจ้าตัวดึงจังหวะรอเพื่อนแล้วไหลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษตั้งให้ เนย์มาร์ ได้วิ่งสอดมาหวดด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลแรงเหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปไกล
นาที 37
เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สวนกลับขึ้นมาเกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ แทงบอลทะลุช่องจากกลางสนามอย่างสวยให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้า หลุดเข้าไปถึงบอลในกรอบเขตฝั่งซ้าย ก่อนจะหักเลียดย้อนมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ อันเดร์ เอร์เรร่า วิ่งมาแปด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัวแต่ทว่าดันไม่หนีตัวเท่าไหร่ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีม ผวาปัดข้ามคานได้ทันหวุดหวิด
นาที 39
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชคดีที่ไม่โดนใบแดง เป็นจังหวะเข้าปะทะแย่งบอล 50-50 แล้วเป็น เควิน เดอะ บรอยน์ ที่เข้าบอลช้าไปย่ำใส่ขาของ อิดริสซ่า กาน่า เกย์ อย่างน่าเกลียด การ์ลอส เดล เกร์โร่ กรานเด้ ผู้ตัดสินในเกมนี้จากสเปน ให้แค่ใบเหลืองเท่า ทำเอาผู้เล่นเจ้าถิ่นโวยกันใหญ่ ซึ่งถ้าดูจากภาพช้าจะเห็นว่าโชดดีสุด ๆ ที่ไม่ใช่ใบแดง
นาที 43
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกเตะมุมทางซ้าย แล้วเป็น เควิน เดอ บรอยน์ รับอาสา เปิดบอลปั่นไซด์โค้ง ลอยลึกไปที่เสาไกลให้ รูเบน ดิอาส ได้สลัดหนี เพรสแนล คิมเพมเบ้ โฉบมาขึ้นไปโขกเหน่ง ๆ ยัดมุมแคบติดเซฟ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ขยับมายืนคุมเสาเอาไว้อยู่แล้ว ปัดออกหลังไปได้ทัน
หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันได้อย่างสนุกสูสี เป็นทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าพอสมควรตามสไตล์ แต่จังหวะเข้าทำยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ส่วนทางด้านเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ได้ประตูขึ้นนำเร็ว ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นได้บุกน้อยกว่าก็จริง แต่พอมีโอกาสขึ้นมาแต่ละที ก็วูวาบน่ากลัวใช่เล่น สกอร์ตอนนี้ เปแอสเช 1 แมนซิตี้ 0 !!!
นาที 47
ครึ่งหลังเริ่มมาแปปเดียว เป็นทางฝั่งทีมเยือน ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เร่งเครื่องบุกใส่เจ้าถิ่นทันที จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ ดันสูงขึ้นมาแทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ได้วิ่งสอดทำลายกับดักล้ำหน้า หลุดเข้าไปตวัดยิงด้วยขวาตามน้ำ ส่งบอลไปแฉลบ เพรสแนล คิมเพมเบ้ เปลี่ยนทางหลุดเสาไกลซ้ายมือ กระดอนออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 54
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดันกันขึ้นมาขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ ริยาด มาห์เรซ แทงบอลทะลุช่องให้ เควิน เดอะ บรอยน์ ได้หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะซัดตามน้ำด้วยขวาเน้น ๆ ผ่านบล็อกของ นูโน่ เมนเดส พุ่งไปติดขาของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ผวาทิ้งล้มเซฟเอาไว้ได้ทัน
นาที 60
เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมง รูปเกมยังคงเหมือนเดิม เป็นทางฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ขึงเกมรุก ปูพรมบุกใส่เจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง อย่างต่อเนื่อง ทว่าก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับเปแอสเช หลุดเข้าไปปิดบัญชีในพื้นที่สุดท้ายแบบจะแจ้งได้เลย
นาที 65
เจ้าถิ่น ปารีส แชร์กแมง เกือบได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะสวนกลับเร็ว อัชราฟ ฮาคิมี่ แทงทะลุช่องตัดหลังแนวรับให้ เนย์มาร์ ได้วิ่งสอดไปเอาบอล ก่อนจะกระชากต่อหลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาได้สวย แต่จังหวะสุดท้ายเจ้าตัวโดนบีบ ทำให้ต้องรีบยิงเร็วยัดมุมแคบ บอลพุ่งแรงเข้าหน้าต่างข้างตาข่าย หลุดออกหลังไปแบบได้เสียว
นาที 68
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือสมองเพชรของทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เริ่มนั่งไม่ติด ต้องแก้เกมด้วยการถอด แจ็ค กรีลิช ตัวรุกจอมพลิ้วทีมชาติอังกฤษ ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเก่งไม่ค่อยจะออก ไปพักที่ข้างสนาม แล้วจัดการส่ง ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษอีกคน ลงมาเพิ่มมิติในเกมรุกในตำแหน่งเดียวกัน
นาที 70
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกหนักจริง ๆ จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ แทงบอลให้ ฟิล โฟเด้น หลุดขึ้นมาทางริมกรอบเขตโทษซ้าย เจ้าตัวพยายามจะครอสเข้ากลางแต่โดนขวาง ก่อนจะตัดสินใจไหลย้อนมาที่หน้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้แต่งหาช่องแล้วซัดไกลด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรง กระดอนพื้นเฉียดโคนเสาแรกซ้ายมือ หลุดกรอบออกหลังไปนิดเดียว
นาที 74 GOAL!!!
ทำไปทำมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มาได้ประตูหนีห่างออกไปเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว ลิโอเนล เมสซี่ ลากพาบอลขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษ เจ้าตัวจ่ายสั้น ๆ ตามช่องขึ้นหน้าไปให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ได้ดีดตอกส้นทำชิ่ง 1-2 คืนย้อนหลังมาที่หัวกระโหลกตั้งให้ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่า ได้วิ่งมาแปด้วยซ้ายเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย เสียบเสาขวามือเข้าประตูไป ตุงตาข่าย อย่างสวยงาม เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน ทำได้แค่ยืนมอง
นาที 78
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แก้เกมด้วยการเทหมดหน้าตัก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดการถอด ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตัวจี๊ดทีมชาติอังกฤษ ที่แทบไม่มีบทบาทออกไปพัก แล้วส่ง กาเบรียล เชซุส ศูนย์หน้าทีมชาติบราซิล ลงสนามมาเล่นหน้าเป้าแทน
นาที 80
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พยายามตั้งสติ ฮึกบุกขึ้นมาอีกครั้ง จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาให้ ริยาด มาห์เรซ ได้เลี้ยงจี้แล้วโยกตัดเข้าในตามสูตร ก่อนจะซัดเร็วผ่านบล็อก เพรสแนล คิมเพมเบ้ ติดเซฟของ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังยืนตำแหน่งได้ดี รับไว้ได้ทัน
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เปิดบ้านเอาชนะทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! เขยิบขึ้นมารั้งจ่าฝูงของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของแอร์เบ ไลป์ซิก ในวันอังคารที่ 19 ตุลาคม 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านแมนซิตี้ ร่วงมาอยู่อันดับที่ 3 ของตาราง นัดต่อไปต้องออกไปเยือนคลับบรูซ ในวันเดียวกัน