เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพโคนม ทีมชาติ เดนมาร์ก เปิดสนาม ปาร์เก้น สเตเดี้ยม, กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ต้อนรับการมาเยือนของทีมชาติ ออสเตรีย ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม เอฟ นัดที่ 8 เมื่อค่ำคืนวันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น เดนมาร์ก ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ แคสเปอร์ ฮูลมันด์ มาเล่นในระบบ 3-4-3 นำทีมโดย ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก มิดฟิลด์ตัวสร้างสรรค์เกม มิคเกล ดามส์การ์ด ตัวขึ้นเกมริมเส้น และ ยุสซุฟ โพลเซ่น ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน ออสเตรีย ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ฟรังโก้ โฟด้า มาเล่นในระบบ 5-4-1 นำทีมโดย ดาวิด อลาบา ปราการหลังสารพัดประโยชน์ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ ฟลอเรียน กริลลิทช์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม
นาที 4
เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพเดนมาร์ก ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ โธมัส เดลานี่ย์ ตั้งป้อมบรรจงชิพบอลเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น ยุสซุฟ โพลเซ่น สลัดตัวประกบ วิ่งโฉบไปโหม่งคนเดียวแต่โดนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บอลหลุดกรอบออกไปไกล
นาที 18
เจ้าถิ่น เดนมาร์ก บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ โจอาคิม เมห์เล่ ไหลตามช่องเข้าไปทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้ มิคเกล ดามส์การ์ด หลุดขึ้นมาเปิดบอลโค้ง ลอยลึกไปที่เสาไกลให้ ดาเนี่ยล วาสส์ สอดหุบเข้ามาได้เทคตัวโหม่งเหน่ง ๆ บอลพุ่งแรงแต่ไม่หนีมือเท่าไหร่ แดเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดออกมาได้ทัน
นาที 22
เจ้าถิ่น เดนมาร์ก เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก หยอดบอลเข้าไปที่หน้าเสาซ้ายมือให้ อันเดรียส ซคอฟ โอลเซ่น วิ่งสอดไปเกี่ยวบอลลงแล้วแตะสั้น ๆ ให้ โจอาคิม เมห์เล่ กระชากมาถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะตวัดคืนกลับมาที่เจ้าตัว ได้ซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ยัดมุมแคบไปที่เสาใกล้ซ้ายมือ ทว่ายังติดเซฟของ แดเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ที่ยืนคุมเสาอยู่แล้ว วิ่งออกมาทิ้งตัวบล็อกบอลเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว
นาที 25
ทีมเยือน ออสเตรีย ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้างจากจังหวะฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งซ้าย แล้วเป็น ดาวิด อลาบา ดันสูงขึ้นมารับหน้าที่ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางเขตโทษเข้าหัวของ มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์ ได้ขึ้นโหม่งสะบัดเน้น ๆ ทว่าบอลยังไม่เข้าเป้า ลอยหลุดกรอบออกไปไกล
นาที 29
เจ้าถิ่น เดนมาร์ก ตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็ว จังหวะนี้ มิคเกล ดามส์การ์ด ลากจี้ขึ้นมาเองถึงหน้าหัวกระโหลก ก่อนจะตัดสินใจตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงเป็นจรวด แต่ไต่หลังเท้า ติดไซด์ก้อยลอยออกหลังไปไกลแบบไม่ได้ลุ้นเลย
นาที 31
เจ้าถิ่น เดนมาร์ก น่าจะได้ประตูแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก ลากจี้มาที่หน้าเขตโทษของทีมเยือน เจ้าตัวจ่ายติดแต่บอลเด้งกลับมาที่เจ้าตัวได้ขลุกขลิกจ่ายยัดเข้าไปตรงกลางประตูดื้อ ๆ ให้ มิคเกล ดามส์การ์ด พลิกตัวยิงตวัดบอลด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย ทำท่าจะเสียบเสาซ้ายมือเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น แดเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปปัดปลายมือเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 40
เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เดนมาร์ก ที่ครองเกม คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด ทัพโคนมเป็นฝ่ายประเคนลูกครอสเข้าใส่คู่แข่งได้อย่างต่อเนื่องจากรอบทิศทาง แต่แนวรับทีมเยือน ออสเตรีย ก็ยังช่วยกันได้ดี ทว่ายังไม่มีโอกาสยิงเข้าเป้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว สกอร์ยังอยู่ที่ 0-0 !!!
หมดเวลาครึ่งแรก ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันแบบไม่ได้เน้นตั้งรับ เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เดนมาร์ก ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ขึงเกมรุกบุกใส่คู่แข่งอยู่แทบจะฝั่งเดียว ขณะที่ทีมเยือน ออสเตรีย พยายามจะเล่นโต้กลับอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังยิงไม่เข้าเป้าเลยในเกมนี้ สกอร์ตอนนี้เสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!
นาที 48
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เดนมาร์ก ที่โหมบุกทันที แถมเกือบได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วอีกตะหาก เป็นจังหวะ ต่อบอลทำชิ่งกันขึ้นมาสวยทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย อันเดรียส ซคอฟ โอลเซ่น หลุดมาครอสเลียดไปให้ โธมัส เดลานี่ย์ ในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ได้จับหนึ่งทีแล้วกดเลียดด้วยซ้ายเน้น ๆ
ส่งบอลพุ่งกระดอนไปถูก แดเนี่ยล บัคมันน์ ผู้รักษาประตูทีมเยือน ผวาปัดออกมาที่หน้าเสาไกลซ้ายมือเข้าทางปืน อันเดรียส ซคอฟ โอลเซ่น คนเดิม ได้ซ้ำโล่ง ๆ แปด้วยซ้ายแบบจวนตัวจังหวะเดียว ไปตรงตัวของนายทวารทีมเยือน ปัดออกมาได้อีกครั้ง ทว่าไลน์แมนยกธงว่าเจ้าตัวล้ำหน้า ถ้าเข้าก็อาจจะไม่ได้ประตูอยู่ดี
นาที 52 GOAL!!!
เจ้าถิ่น เดนมาร์ก มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะชิงเหลี่ยมกันตรงกลางสนาม ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก พลิกบอลมาสวยแล้วไหลให้ โธมัส เดลานี่ย์ ได้ลากจี้ขึ้นมาเองถึงหน้าเขตโทษด้านขวา เจ้าตัวแตะหนีผู่เล่นทีมเยือนตัดเข้าในมาถึงบริเวณหัวกระโหลก ก่อนจะไหลสั้น ๆ ถวายพานไปที่หน้าเสาซ้ายมือให้ โจอาคิม เมห์เล่ สอดหลุดเดี่ยวมาเอี้ยวตัวแปด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลเบียดเสาแรกเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างเฉียบคม
นาที 60
เกมดำเนินมาครบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ทีมเยือน ออสเตรีย เกมรุกยังไม่กระเตื้องขึ้นเลย จังหวะนี้ได้ตอบโต้ขึ้นมาได้ลุ้นเล็ก ๆ จาก มาร์โค กลูเอล ขอลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงแต่ก็ยังไปติดบล็อกของแนวรับเจ้าถิ่น สุดท้ายกระเด้งออกมา ต้องกลับมาเป็นฝ่ายตั้งรับอีกครั้ง
นาที 65
เข้าสู่ช่วงครึ่งทางของครึ่งหลัง เป็นเจ้าถิ่น เดนมาร์ก ที่ครองบอลพับสนามบุกอยู่ฝั่งเดียวเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการเน้นความแน่นอน ไม่เร่งจังหวะมากจนเกินไป ค่อย ๆ ต่อบอลทำเกม ส่วนทางด้านทีมเยือน ออสเตรีย ได้บุกขึ้นมาแค่ไม่กี่ครั้งเองในเกมนี้ ซ้ำร้ายยังยิงไม่ตรงกรอบเลยด้วย
นาที 78
รูปเกมของทั้งคู่เป็นการชิงจังหวะกันอยู่ที่กลางสนาม แทบไม่มีโอกาสยิงเหน่ง ๆ ในพื้นที่สุดท้ายให้แฟน ๆ ได้เห็นเลย จังหวะนี้ทีมเยือน ออสเตรีย ได้บุกขึ้นมาบ้าง แต่ก็ดูเหมือนจะหมดมุก จบด้วยการดันสูงขึ้นมาส่องไกลของ มาร์ติน ฮินเตอร์เร็กเกอร์ ทว่าบอลหลุดกรอบออกไปอีกครั้งหนึ่งอยู่ดี
นาที 81
ทีมเยือน ออสเตรีย ได้ทุ่มทางกราบซ้ายส่งมาให้ ฟลอเรียน กริลลิทช์ ได้พลิกบอลลากตัดเข้าในมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ทิศทางยังไม่เข้าเป้าเหมือนเดิม สุดท้ายเหินข้ามคาน ลอยออกไปไหนไม่รู้
นาที 83
ทีมเยือน ออสเตรีย บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ ดาวิด อลาบา เติมเกมสูง ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น หลุยส์ ชลุฟฟ์ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา โฉบมายิงแต่ก็โดนไม่ดีเท่าไหร่ ส่งบอลหลุดกรอบออกไปเองอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เดนมาร์ก เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน ออสเตรีย ไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 !!! เก็บชัยได้ 8 นัดรวด คว้า 24 คะแนนเต็ม นำโด่งจ่าฝูงของตารางคะแนน พร้อมทั้งตีตั๋วการันตีเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ได้เป็นที่เรียบร้อย โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับหมู่เกาะแฟโร ในวันคืนวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านออสเตรีย รั้งอันดับที่ 4 ของกลุ่ม โอกาสเข้ารอบหมดไปเป็นที่แน่นอนแล้ว นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับอิสราเอล ในวันเวลาเดียวกัน