เล่นกันอย่างเดือด!! เกมสังเวยสองแดง “เม็กซิโก” เฉียบคมกว่า บุกมาเฉือน “เอล ซัลวาดอร์” 2-0

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทีมชาติ เอล ซัลวาดอร์ เปิดสนาม เอสตาดิโอ กุสกาตลัน ต้อนรับการมาเยือนของทัพจิงโจ้ ทีมชาติ เม็กซิโก ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนคอนคาเคฟ รอบที่สาม นัดที่ 6 เมื่อเช้าวันพุธที่ 13 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น เอล ซัลวาดอร์ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ฮูโก้ เปเรซ มาเล่นในระบบ 4-1-3-2 นำทีมโดย อิซาอัค ปอร์ติลโล่ กองกลางห้องเครื่อง ดาร์วิน เกเรน เพลย์เมกเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ มาร์วิน มอนสเตอร์โรซ่า กองหน้าตัวจบสกอร์ของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน เม็กซิโก ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เคอร์ราโด้ มาร์ติโน่ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย ออร์เบลิน ปิเนด้า เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม เออร์วิง โลซาโน่ ตัวจี๊ดริมเส้น และ โรเกลิโอ ฟูเนส โมรี่ กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 3

เปิดฉากเกมมา เป็นทีมเยือน เม็กซิโก ที่ได้ทักทายก่อน เป็นจังหวะ โอสวัลโด้ โรดริเกซ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัวไหลต่อให้ เอเมสโต้ เวก้า ได้กระชากไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจะครอสโด่ง ลอยลึกไปที่เสาไกลให้ เออร์วิง โลซาโน่ วิ่งโฉบมาเทคตัวขึ้นโหม่งเน้น ๆ ส่งบอลหลุดกรอบออกไปเอง อย่างน่าเสียดาย

นาที 5

ทีมเยือน เม็กซิโก บุกมาใหม่อีกระลอก จังหวะนี้ ออร์เบลิน ปิเนด้า ป้ายออกไปทางริมเส้นฝั่งขวาให้ เออร์วิง โลซาโน่ ได้ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตูแต่โดนสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายเข้าทาง เอเมสโต้ เวก้า โยกหนีตัวประกบมาเข้าเหลี่ยมเท้าขวา ก่อนจะซัดเลียดหักข้อเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนไปตรงตัวของ มาริโอ กอนซาเลซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับเอาไว้ได้สบาย

นาที 12

ทีมเยือน เม็กซิโก ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย แล้วเป็น เอเมสโต้ เวก้า เปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาแรกให้ โอสวัลโด้ โรดริเกซ โฉบมาโหม่งสะบัดกดลงพื้นเน้น ๆ ส่งบอลเฉียดเสาซ้ายมือ กระเด้งหลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น

นาที 20

ทีมเยือน เม็กซิโก ต้องมาเสียโควต้าเปลี่ยนตัวอย่างรวดเร็ว จากจังหวะ เอเมสโต้ เวก้า เทคตัวขึ้นโหม่งแล้วโดน ไบรอัน ตาทากาศ กระแทกกลางอากาศ ทำให้ลงผิดจังหวะ สุดท้ายบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว เคอร์ราโด้ มาร์ติโน่ กุนซือจังโก้ แก้เกมด้วยการส่ง เชซุส โคโรน่า ลงมาเล่นแทนในตำแหน่งเดียวกัน

นาที 18

เจ้าถิ่น เอล ซัลวาดอร์ ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ เอ็นริโก้ เฮอร์นานเดซ พลิกหลอก ฮูลิโอ เซซาร์ โดมิงเกซ มาได้สวย ก่อนจะกระชากไปถึงสุดเส้นหลังฝั่งซ้าย แล้วครอสเข้ากลางโดนสกัดออกมาที่มุมกรอบเขตโทษด้านซ้ายเข้าทาง อเล็กซานเดอร์ ลาริน ได้ตั้งป้อมฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลผ่านหน้าปากประตู ถากเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแบบได้เสียว

นาที 25

ครึ่งทางของครึ่งแรก เกมต้องหยุดชะงักไปพักใหญ่ ๆ เมื่อ ฮูลิโอ เซซาร์ โดมิงเกซ หวดเคลียร์บอลแล้วโดน อเล็กซานเดอร์ ลาริน ที่เข้าบอลช้า มีจังหวะของแถม ก่อนที่ทั้งคู่จะฮึดฮัดเข้าใส่กัน สุดท้ายเป็นแฟนบอลที่เขวี้ยงขวดน้ำลงมาในสนาม จนผู้ตัดสินต้องวิ่งมาห้ามปรามแล้วกลับมาเล่นต่อได้

นาที 29

ทีมเยือน เม็กซิโก ตัดบอลได้แล้วบุกเร็วขึ้นมาตรงกลาง ออร์เบลิน ปิเนด้า ทำชิ่งกระชากขึ้นมาได้สวย เจ้าตัวฝากต่อไปที่หน้าเขตโทษให้ โรเกลิโอ ฟูเนส โทนี่ ที่ยืนหันหลังให้ประตู ได้กลับตัวพลิกหาช่อง ก่อนจะไหลมาที่หน้าหัวกระโหลกตั้งให้ การ์ลอส เคอร์ราโด้ โรดริเกซ วิ่งมาตะบันด้วยขวาเน้น ๆ ไม่จับ ส่งบอลพุ่งแรงกระดอนพื้น ทำท่าจะเสียบเสาซ้ายมือเข้าประตูอยู่แล้ว แต่เป็น มาริโอ กอนซาเลซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น โชว์ซุปเปอร์เซฟ ผวาพุ่งไปปัดออกมาได้ทันเฉียดฉิว สุดท้ายเป็นกองหลังเคลียร์ทิ้ง ยอมเสียเป็นเตะมุม

นาที 30 GOAL!!!

ทีมเยือน เม็กซิโก มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะต่อเนื่องแล้วได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เชซุส โคโรน่า เปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่กลางประตู แล้วเป็น เอคตอร์ โมเรโน่ ถอยมาโหม่งสะบัดกดลงพื้นเน้น ๆ คนเดียว ส่งเบียดเสาไกลขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 33

ทีมเยือน เม็กซิโก ยู จังหวะนี้ เออร์วิง โลซาโน่ สอดเปลี่ยนฝั่ง หลุดขึ้นมาเอาบอลทางริมกรอบเขตฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหนี เอดูอาร์โด้ เวอร์กิล ได้สวย ก่อนจะกระชากตัดเข้าในแล้วกดเร็วด้วยขวาเน้น ๆ ทันที บอลพุ่งแรงแถมฮุกลงทว่าไม่หนีตัวเท่าไหร่ มาริโอ กอนซาเลซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เขยิบมาทิ้งตังรับกระฉอกออกหลังไป ได้เป็นเตะมุม 

นาที 40

เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก รูปเกมยังคงเป็นทีมเยือน เม็กซิโก ที่ได้ครองบอลบุกอยู่เหมือนเดิม ทว่าหลังจากเสียประตู ดูเหมือนเจ้าถิ่น เอล ซัลวาดอร์ จะเปลี่ยนแผนด้วยการเข้าบอลเร็วและหนักหน่วง ทำเอาทัพจังโก้เล่นด้วยลำบาก โอกาสได้ส่องของทั้งสองทีม แทบไม่มีให้เห็น

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน เม็กซิโก ที่ครองบอลได้มากว่า รูปเกมก็ดีกว่าตามคาด เป็นฝ่ายขึงเกมรุกบุกใส่เจ้าถิ่นได้อย่างต่อเนื่อง แถมได้ประตูออกนำไปก่อนแล้ว ส่วนทางด้านเอล ซัลวาดอร์ พยายามฮึดเข้าสู้ แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้ส่องเน้น ๆ ในพื้นที่สุดท้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว สกอร์ตอนนี้ เอล ซัลวาดอร์ 0 เม็กซิโก 1 !!!

นาที 48 ใบแดง!!!

เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้แค่แปปเดียว เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น เอล ซัลวาดอร์ ต้องพบกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่หนักขึ้นไปอีก เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ ฮูลิโอ เซซาร์ โดมิงเกซ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางขวา ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องให้ โรเกลิโอ ฟูเนส โมรี่ ได้กระชากบอล กำลังจะได้หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษแต่โดน มาริโอ ยาโคโบ ดึงจากด้านหลังล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่รอช้า วิ่งมาชูใบแดง ไล่เจ้าตัวออกจากสนามไปทันที

นาที 49

จังหวะต่อเนื่อง ทีมเยือน เม็กซิโก ได้ลูกฟรีคิกคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษเยื้อง ๆ ไปทางขวา แล้วเป็น เชซุส โคโรน่า รับอาสา วิ่งมาบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ข้ามกำแพง ส่งบอลโค้งสวย พุ่งแรงเข้าหน้าต่างข้างตาข่ายเสาแรก หลุดออกหลังไปนิดเดียวแบบได้เสียว

นาที 54

ทีมเยือน เม็กซิโก ได้บุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ เออร์วิง โลซาโน่ สอดมารับบอลโยนเปลี่ยนแกน จับบอลลงในเขตโทษฝั่งซ้าย เจ้าตัวโยกหาช่องแล้วซัดเร็วไปแฉลบบล็อกของ ไบรอัน ตามากาส กระเด้งไปที่กลางประตูเข้าทาง ออร์เบลิน ปิเนด้า ได้จับหนึ่งที ตามด้วยซัดด้วยซ้ายหักข้อเน้น ๆ ส่งบอลถากเสาซ้ายมือ หลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 66

ทีมเยือน เม็กซิโก น่าจะได้ลูกจุดโทษแบบสุด ๆ เป็นจังหวะ เออร์วิง โลซาโน่ แทงตามช่องไปที่หัวกระโหลกให้ ราอูล ฮิเมเนซ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา สอดมาแตะบอลเข้าเขตโทษ ก่อนจะล็อกหลบ เอดูอาร์โด้ เวอร์กิล แล้วโดนเกี่ยวล้มลงไป ทว่าผู้ตัดสินให้เล่นต่อไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งภาพช้าจะเห็นว่า สกัดโดนขาจริง ๆ 

นาที 67 ใบแดง!!!

ทีมเยือน เม็กซิโก ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคนเท่ากัน จากจังหวะ เนสเตอร์ อาเราโฮ่ เอาแขนไปฟาดเข้าหน้าของ อเล็กซานเดอร์ ลาริน ในจังหวะแย่งบอลจนล้มลงไปนอนกอง ผู้ตัดสินไม่รอช้า วิ่งมาแจกใบเหลืองใบที่สอง กลายเป็นใบแดง ตะเพิดเจ้าตัวออกจากสนามไป

นาที 80

ทีมเยือน เม็กซิโก พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูหนีห่าง เป็นจังหวะ เชซุส โคโรน่า ทำชิ่ง 1-2 กับ เฮคเตอร์ เอร์เรร่า ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปถึงหน้าเสาแรกซ้ายมือ ทว่าจังหวะสุดท้ายจิ้มเร็วด้วยซ้ายจ่อ ๆ ไปติดตัวของ มาริโอ กอนซาเลซ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ออกมาปิดมุมได้ไว ทิ้งตัวเซฟเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด

นาที 90+3 GOAL!!!

ทีมเยือน เม็กซิโก มาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะเป็น 2-0 !!! เป็นจังหวะ สวนกลับเร็วหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาของ ราอูล ฮิเมเนซ เจ้าตัวลากไปเองจนถึงเกือบสุดเส้น ทำท่าจะเลี้ยงไปถ่วงเวลาทางมุมธง ทว่าหัวหอกวูล์ฟแฮมป์ตัน ตัดสินเล่นลูกลักไก่ ลากตัดเข้าเขตโทษหวังจะเข้าไปยิงใส่เสาแรกดื้อ ๆ ก่อนจะโดน เอดูอาร์โด้ เวอร์กิล เสียบสกัดล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที แล้วเป็นเจ้าตัว ที่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเอง ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน เม็กซิโก บุกมาไล่ทุบเอาชนะเจ้าบ้าน เอล ซัลวาดอร์ ไปได้ถึงถิ่นด้วยสกอร์ 2-0 !!! รั้งจ่าฝูงของตารางคะแนนอยู่เหมือนเดิม โดยนัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนสหรัฐอเมริกา ในเช้าวันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ส่วนทางด้านเอล ซัลวาดอร์ รั้งอันดับที่ 7 เป็นรองบ๊วยของตาราง นัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับจาไมก้า ในวันเดียวกัน แต่คนละเวลา