“เวสต์บรอมวิช” เปิดบ้านเฉือนเอาชนะ “ไบรท์ตัน” ไปได้ 1-0 !!

เกมการแข่งขันระหว่างเจ้าถิ่นทีม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เปิดสนาม เดอะ ฮอว์ธอร์นส์ ต้อนรับการมาเยือนของทีม ไบรท์ตัน ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เกมนี้ เป็นเจ้าถิ่น ที่ได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม และช่วยกันยันไว้ได้จนจบ เอาชนะไปได้ 1-0 !!!

เกมนี้ เจ้าถิ่น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน มาเล่นในระบบ 4-1-4-1 นำทีมโดย เอนสลี่ย์ เมทแลนด์ ไนลส์ มิดฟิลด์ตัวทำเกมที่ยืมมาจากอาร์เซน่อล และ เอ็มบาย เดียง กองหน้าตัวความหวังของทีม ขณะที่ทางทีมเยือน ไบรท์ตัน มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดยสองกองหน้าตัวเก่งของทีมอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์ และ นีล โมเปย์

นาที 10 GOAL!!!

เจ้าถิ่น เวสต์บรอมวิช ได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 !!! จากจังหวะได้เตะมุมทางด้านซ้าย คอนอร์ กัลลาเกอร์ เปิดโค้งไปที่กลางประตู ไคล์บาร์ทลี่ย์ ได้ขึ้นโขกจ่อๆคนเดียวโล่งๆที่หน้าประตู เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย

นาที 16

ทีมเยือน ไบรท์ตัน พลาดโอกาสที่จะตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย จังหวะเริ่มที่ ทีมเยือน ได้เตะมุมทางฝั่งซ้าย ปาสกาล กรอสส์ เปิดบอลโค้งไปที่เสาแรก แดน เบิร์น สอดขึ้นไปได้โขกแต่ติดบล็อก โอคาย โยคุสลู เคลียร์ออกไปได้ แต่พอเกมหยุด ผู้ตัดสินขอเช็ค VAR ก่อนจะเป่าให้เป็นลูกแฮนด์บอลของ โอคาย โยคุสลู ทีมเยือนได้จุดโทษ ปาสกาล กรอสส์ รับหน้าที่สังหาร แต่ยิงบอลไปชนคานสนั่นหวั่นไหว อดได้ประตูตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 25

เจ้าถิ่น น่าจะได้ประตูหนีห่างสุดๆ เป็นจังหวะที่ ดาร์เนลล์ เฟอร์ลอง เติมขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนจะครอสไปที่หน้าประตู เอ็มบาย เดียง โฉบมาโหม่งสะบัดกดลงพื้นจ่อๆที่เสาแรก แต่บอลผ่านหน้าประตูไปออกเสาไกลอย่างน่าเสียดายสุดๆ

นาที 28

ทีมเยือน ไบรท์ตัน อดได้ประตูตีเสมออีกครั้ง เป็นจังหวะได้ฟรีคิกระยะอันตราย หน้ากรอบเขตโทษบริเวณหัวกระโหลก ลูอิส ดังค์ ลักไก่ยิงเร็ว แปด้วยขวา เข้าประตูไปดื้อๆ ผู้ตัดสิน ขอเช็ค VAR อยู่นานสองนาน ก่อนจะตัดสินไม่ให้เป็นประตู ท่ามกลางผู้เล่นทีมเยือนที่เข้ามารุมโวยวาย

นาที 45

ทีมเยือน ตัดบอลได้แล้วโต้กลับเร็ว ทำชิ่งกันสวยหลุดมาถึง อารอน คอนนอลลี่ ในกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนเจ้าตัวจะเลี้ยงจี้หากองหลัง โยกเข้าขวาแล้วยิงเร็วไปที่กลางประตูทันที แต่ แซม จอห์นสโตน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ซุปเปอร์เซฟ กระโดดทะยานไปปัดไว้ได้ทัน

นาที 45+2

ทีมเยือน น่าจะได้ประตูตีเสมอสุดๆ จากจังหวะ ปาสกาล กรอสส์ ทำชิ่ง 1-2 กับ โยเอล เฟลต์มัน หลุดทะลุเข้าไปถึงสุดเส้นหลังในกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะตบเข้ามาที่กลางประตูให้ นีล โมเปย์ ได้แปเน้นๆที่เสาแรก แต่บอลปลิ้นหลุดกรอบผ่านหน้าประตูไปทางเสาไกลแบบน่าเหลือเชื่อสุดๆ

นาที 45+3

เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูเหมือนกัน จังหวะโตกลับเร็ว บอลมาถึง เอ็มบาย เดียง ที่หัวกระโหลก เจ้าตัวยืนบังบอลหันหลังให้ประตูอยู่ ก่อนจะแตะสั้นๆให้ เอนสลี่ย์ เมทแลนด์ ไนลส์ กระชากเข้าเขตโทษ แล้วแปเน้นๆเลือกมุมไปที่เสาขวามือ แต่ด้วยความที่น้ำหนักไม่แรงพอ และการอ่านทางของผู้รักษาประตูทีมเยือน โรเบิร์ต ซานเชซ ล้มตัวตะปบ ไว้ได้หวุดหวิด

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นเจ้าถิ่น ที่ได้ประตูขึ้นนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม ก่อนจะช่วยกันยันเกมรุกของทีมเยือนไว้ได้ สกอร์นำอยู่ 1-0 !!!

นาที 50

ทีมเยือน บุกใส่ตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง และเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ นีล โมเปย์ ทำชิ่ง 1-2 กับเพื่อน หลุดเข้าไปในเขตโทษด้านขวา บอลทุลักทุเล ก่อนจะได้ยิงด้วยขวาที่เสาแรก แซม จอห์นสโตน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ล้มตัวปัดไว้ได้ทัน แต่บอลกระดอนมาเข้าทาง อารอน คอนนอลลี่ ได้วิ่งมาซัดจ่อๆ แต่บอลข้ามคานออกไปแบบน่าเหลือเชื่อ น่าจะได้ประตูจริงๆลูกนี้

นาที 61

ทีมเยือน บุกขึ้นมาทางซ้ายของกรอบเขตโทษ ปาสกาล กรอสส์ หลอกว่าจะเปิดด้วยเท้าซ้าย แต่ล็อกเข้าเท้าขวา แล้วเปิดโค้งไปที่กลางประตู โยเอล เฟลต์มัน ได้ขึ้นโขกคนเดียวเต็มๆ บอลก็ยังเหินข้ามคานออกไปอีก

นาที 65

โยเอล เฟลต์มัน โยนบอลยาวจากแดนหลังฝั่งขวา ทิ้งไปให้ นีล โมเปย์ ตามมาเก็บได้ที่กรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะพยายามเลี้ยงตัดเข้ากลางไปยิง แต่โดนขวาง เลยจ่ายย้อนมาที่บริเวณหัวกระโหลกให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ วิ่งมาบรรจงปั่นโค้งด้วยขวา บอลพุ่งสวย แต่ไม่หนีมือนายทวารเท่าไหร่ แซม จอห์นสโตน ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น เขยิบตัวมารับไว้ได้สบาย

นาที 73

ทีมเยือน พลาดได้ประตูตีเสมออีกครั้ง เป็นจังหวะ อดัม ลัลลาน่า ได้ครองบอลอยู่บริเวณหัวกระโหลก ก่อนจะแทงบอลทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษตรงกลางให้ ปาสกาล กรอสส์ ที่วิ่งสอดขึ้นมา แล้วโดนสกัดจากด้านหลังล้มลง ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที แดนนี่ เวลเบ็ค รับหน้าที่สังหาร แต่ยิงเลียดไปชนโคนเสาซ้ายมือ กระเด้งมาที่เจ้าตัวอีกที ก็ยังยิงหลุดกรอบออกไป น่าเสียดายสองต่อจริงๆลูกนี้

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นเจ้าถิ่น เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เปิดบ้านเฉือนเอาชนะทีมเยือน ไบรท์ตัน ไปได้ 1-0 !!! คว้าสามคะแนนสุดล้ำค่า แต่ยังรั้งรองบ๊วยต่อไป