เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ลีก) เปิดสนาม ลอนดอน สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (พรีเมียร์ลีก) ในศึกฟุตบอล คาราบาว คัพ รอบที่ 4 เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา
เกมนี้ เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เดวิด มอยส์ มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย โธมัส ซูเช็ค มิดฟิลด์ห้องเครื่อง มานูเอล ลันซินี่ ตัวทำเกมจอมพลิ้ว และ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ยืนเป็นหน้าเป้าของทีม
ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำทีมโดย อิลคาย กุนโดกัน กองกลางตัวขับเคลื่อน เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมฆเกอร์จอมแอสซิสต์ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้าตัวความหวังของทีม
นาที 10
เริ่มต้นเกมมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ค่อย ๆ ครองบอลได้มากกว่าเจ้าถิ่นอย่างชัดเจนตามสไตล์ ทว่ายังหาโอกาสเจาะแนวรับทัพขุนค้อน เข้าไปจบเน้น ๆ เพื่อลุ้นทำสกอร์ไม่ได้เลย
นาที 19
เจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้ลุ้นเล็ก ๆ ก่อน จากจังหวะ มาร์ค โนเบิ้ล ขอลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ดันไปตรงตัวของ แซ็ค สเตฟเฟ่น ผู้รักษาประตูทีมเยือน ปัดบอลทิ้งออกมาได้ทัน
นาที 20
ดำเนินมาเกือบครึ่งทางของครึ่งแรก รูปเกมยังคงเป็นทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นฝ่ายครองบอลบุก ขึงเกมรุกหาช่องเข้าทำอย่างต่อเนื่อง ทว่าทางฝั่งเจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ก็ยังตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น คุมโซนอยู่ในแดนตัวเอง ไม่เปิดโอกาสให้ทีมแชมป์เก่าแผลงฤทธิ์ได้เลย
นาที 25
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ริยาด มาห์เรซ ได้บอลหลุดไปถึงสุดเส้นหลังด้านขวา เจ้าตัวโยกหาเหลี่ยม ก่อนจะไหลย้อนตั้งให้ โคล พาร์เมอร์ ได้สับไกเน้น ๆ ในเขตโทษฝั่งขวา ส่งบอลพุ่งแรงไปตรงตัวของ อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ทิ้งตัวใช้ขาเซฟ ช่วยทีมเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 30
เกมดำเนินมาถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม รูปเกมเหมือนเดิมแทบทุกอย่าง ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินเกมรุก ครองบอลบุกอยู่แทบจะฝ่ายเดียว โดยเฉพาะ เควิน เดอะ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ประจำทีม สร้างสรรค์จังหวะสวย ๆ หนักมาก แต่ยังเปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้ เพราะแนวรับทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังคงเหนียวแน่นมาก ช่วยกันป้องกันเอาไว้ได้หมดเช่นกัน
นาที 31
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ครองบอลพยายามจะพลิ้วแหวกหาช่องแต่โดนขวาง เจ้าตัวส่งสั้น ๆ ไปที่บริเวณหัวกระโหลกให้ อิลคาย กุนโดกัน ได้ขอลองส่องไกลด้วยขวานอกกรอบ ระยะ 20 หลา บอลน้ำหนักกำลังดี แต่ทิศทางยังใช้ไม่ได้ ลอยเหินข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
นาที 32
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ ริยาด มาห์เรซ กระชากแหวกขึ้นมาเองตรงกลาง เจ้าตัวไหลเร็วต่อให้ เควิน เดอ บรอยน์ ดีดป้ายออกขวาที่ โคล พาร์เมอร์ จิ้มไหลฝากไปต่อให้ ไคล์ วอล์คเกอร์ เติมเกมสูง สอดหลุดมารับบอลที่ริมกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะปาดเลียดเข้าไปที่หน้าประตูกะจะให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ทว่าแนวรับขุนค้อน ตามมาสกัด เคลียร์ทิ้งออกไปได้ทันเฉียดฉิว
นาที 45
ก่อนหมดเวลาครึ่งแรก ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสทองส่งท้าย จากจังหวะ ได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษทางกราบขวา เควิน เดอ บรอยน์ บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาไกล แล้วเป็น นาธาน อาเก้ โฉบมาเทคตัวโหม่งจ่อ ๆ คนเดียว ส่งบอลเฉียดเสาซ้ายมือ หลุดกรอบออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดตามคาด เป็นฝ่ายปูพรม ขึงเกมรุกบุกใส่เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้อย่างต่อเนื่อง ทว่ายังไม่สามารถเจาะแนวรับขุนค้อน หลุดเข้าไปจบเหน่ง ๆ ได้เลย สกอร์ตอนนี้ ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0 !!!
นาที 50
เปิดฉากครึ่งหลังมา เป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ทำเกมดีขึ้นอย่างชัดเจน เป็นฝ่ายบุกกดดันเข้าใส่ทีมเยือนอย่างหนัก จังหวะนี้ มาร์ค โนเบิ้ล แทงยัดตามช่องเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ อาร์กตูร์ มาซูอากู ได้หลุดไปวางเท้าซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงเฉียดคาน หลุดออกหลังไปนิดเดียว
นาที 57
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ อิลคาย กุนโดกัน จ่ายเปลี่ยนแกนออกไปทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เจ้าตัวติดเครื่องกระชากตัดเข้าใน ก่อนจะพยายามซัดหักข้อด้วยขวา แต่ยิงบดไปหน่อย สุดท้ายบอลกระดอนพื้นเข้ามือ อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น รับสบาย
นาที 58
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาอีกระลอก จังหวะนี้ ได้ลูกฟรีคิกทางริมเส้นฝั่งขวา เควิน เดอ บรอยน์ ตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโค้งเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น จอห์น สโตนส์ เติมสูงสอดขึ้นมา ได้เทคตัวขึ้นโหม่งเหน่ง ๆ ทว่าบอลไม่มุมเท่าไหร่ อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ยังยืนตำแหน่งได้ถูกที่ถูกเวลา ปัดทิ้งออกไปได้ทันเฉียดฉิว
นาที 65
ล่วงเลยมาเกินหนึ่งชั่วโมง ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีลุ้นจากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เล่นสั้นมาให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จ่ายย้อนหลังมาที่ เควิน เดอ บรอยน์ ได้เงยหน้ามองแล้วเปิดข้ามฟากไปที่หน้าเขตโทษด้านขวาให้ ริยาด มาห์เรซ เอาบอลลงแล้วแต่งหนึ่งที ก่อนจะบรรจงปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยแต่ยังไม่หนีมือเท่าไหร่ อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น พุ่งทิ้งตัวไปคว้าเอาไว้ได้ทัน
นาที 70
เกมเข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ครองบอลขึงเกมรุกโหมบุกอย่างหนัก ทว่ายังไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ สุดท้ายต่างฝ่ายต่างยังทำอะไรกันไม่ได้ สกอร์ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 0-0 เช่นเดิม
นาที 72
รูปเกมดีกว่าก็จริง แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือคนเก่งของทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปรับหมากด้วยการถอด ริยาด มาห์เรซ ที่วันนี้พลิ้วไม่ผ่านเท่าไหร่ ออกไปพัก แล้วจัดการส่ง ฟิล โฟเด้น ดาวรุ่งฟอร์มแรงทีมชาติอังกฤษ ลงมาสร้างสรรค์เกมรุกแทน
นาที 76
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดโอกาสทองที่จะได้ประตูขึ้นนำ เป็นจังหวะ ฟิล โฟเด้น ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา ลากตัดจากซ้ายเข้ามาใน ก่อนจะมีโอกาสได้ซัดด้วยขวาเน้น ๆ ไปแฉลบบล็อกแนวรับเจ้าถิ่น บอลกระดอนไปเข้าทางปืนของ อิลคาย กุนโดกัน โล่ง ๆ ทว่าเจ้าตัวดันจับบอลลั่น แตะยาวไปเข้ามือของ อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น พุ่งออกมาคว้าบอล ชิงเซฟได้ก่อนอย่างน่าเสียดายสุด ๆ
นาที 83
เข้าสู่ช่วงท้ายเกม กุนซือเรือใบอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เริ่มนั่งไม่ติด เจ้าตัวตัดสินใจเด็ดขาด จัดการถอด เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเทพไม่ออก ไปพักทันที แล้วจัดการทิ้งไม้ตายสุดท้ายอย่าง แจ็ค กรีลิช ลงสนามมาลากเลื้อยสร้างสรรค์เกมรุกแทน
นาที 84
ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เห็นเพื่อน ๆ ทำไม่ได้เลยขอลองมั่ง เจ้าตัวเล่นลูกลักไก่ ขอลองส่องไกลด้วยซ้ายเน้น ๆ เต็มข้อ นอกกรอบ บอลพุ่งแรงน่ากลัวทำท่าจะเข้าประตูเป็นแน่ เดือดร้อนถึง อัลฟงส์ อเรโอล่า ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ต้องผวาพุ่งไปปัดออกหลังเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด
นาที 88
เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็วขึ้นมา จังหวะนี้บอลมาถึง โทมัส ซูเช็ค หน้าเขตโทษ เจ้าตัวไม่พูดพร่ำทำเพลง ตั้งป้อมวางเท้าตะบันด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบ บอลพุ่งแรงเป็นจรวด ถากเสาหลุดออกหลังไป ชนิดได้เสียว
นาที 90
ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นเฮือกสุดท้าย จากจังหวะ ฟิล โฟเด้น ได้บอลในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวโชว์ความแข็งแกร่ง เลี้ยงเบียดเอาชนะตัวประกบตัดเข้าใน ก่อนจะพลิกตัวยิงหักข้อด้วยซ้ายเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งเฉียดโคนเสาแรก หลุดออกหลังไปนิดเดียว
นาที 90+2
หมดเวลาการแข่งขัน เจ้าถิ่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอกับทีมเยือน แมนเชสเตอร์ซิตี้ ในเวลาปกติ 90 นาที ไปด้วยสกอร์ 0-0 ต้องดวลจุดโทษตัดสิน แล้วเป็นทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพขุนค้อน เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่แม่นโทษกว่า เอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-3 ถีบแชมป์เก่าร่วง ผ่านเข้ารอบต่อไปได้สำเร็จ