สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มองว่าผู้คนมักจะจ้องจับผิดทีมของเขาอยู่เสมอ พร้อมยืนยันว่ายังมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
“ปีศาจแดง” เพิ่งเอาชนะ อตาลันต้า ด้วยสกอร์ 3-2 ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
นั่นคือชัยชนะนัดที่ 2 ในรอบ 6 เกมของพวกเขา หลังต้องเจอกับช่วงที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ โดยแพ้ไปถึง 3 นัดในช่วงเวลาดังกล่าว
อย่างไรก็ดี แม็คโทมิเนย์ ยืนยันว่า ยูไนเต็ด ยังมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม แม้จะถูกผู้คนจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
“มันสำคัญมากๆในแง่ของวิธีการชนะของพวกเรา มันสำคัญสำหรับสปิริตและทิศทางของทีม” เขากล่าวถึงชัยชนะในเกมยุโรปผ่านเว็บสโมสร
“แน่นอนว่าพวกเรายังคงผิดหวังจากเกมกับ เลสเตอร์ รวมถึง 2-3 เกมก่อนหน้านั้นด้วย”
“มันไม่ใช่แค่การคว้าชัยในเกม แต่หนทางข้างหน้ายังดูสดใสขึ้นกว่าเดิมด้วย แม้พวกเราทั้งทีมยังต้องทำอะไรที่มากกว่านี้ มันไม่ใช่แค่เรื่องของการชนะแค่นัดเดียวและเราจะกลับมาสู่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยม, มันไม่ใช่อย่างนั้น, เราต้องทำให้มั่นใจว่าลงสนามด้วยทัศนคติแบบเดียวกันในทุกๆเกม”
“ผู้คนต่างก็พูดถึงผลงานที่ย่ำแย่ของพวกเราในช่วงครึ่งแรก แต่ผมไม่ได้มองอย่างนั้นนะ ผมมองว่าพวกเรารับมือกับฝ่ายตรงข้ามได้ค่อนข้างลำบาก เพราะพวกเขาทำได้ 2 ประตูจากโอกาสแค่ 2 ครั้ง นอกเหนือจากนั้น พวกเรายังมีโอกาสถึง 4-5 ครั้ง โดยมี 2 ครั้งที่ไลน์แมนยกธงทั้งที่ไม่ใช่การล้ำหน้า”
“พวกเราเคลื่อนบอลและเปลี่ยนแกนในการทำเกมได้ ผมไม่ได้รู้สึกว่าพวกเราจะถูกเล่นงานกันมากสักเท่าไหร่”
“แน่นอนว่ามันมีความคิดแง่ลบเยอะมากในวงการฟุตบอล และผมก็เคยประสบมาแล้วตั้งหลายครั้ง สำหรับนักเตะหน้าใหม่และแข้งอายุน้อยที่ก้าวขึ้นมา พวกเขาอาจไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน”
“ทุกคนต่างก็อยากจะโจมตี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนนี้พวกเรากลายเป็นทีมรอง และผู้คนก็ดูหมิ่นเราในทุกเกม ตอนพักครึ่ง ผมมั่นใจว่าผู้คนคงพูดโน่นนี่นั่น แต่นักเตะยังมีความเชื่อมั่นในโค้ชและผู้จัดการทีมอย่างเต็มเปี่ยม และเราจะไม่ยอมแพ้”
“เราอาจอยู่ในช่วงเวลาเลวร้าย แต่ทุกทีมต่างก็เจอช่วงเลวร้ายกันอย่างน้อยซีซั่นละครั้งหรือ 2 ครั้งกันทั้งนั้น แต่แน่นอนว่าสำหรับพวกเรามันเป็นการจ้องจับผิดในอีกระดับนึงเลย และอย่างที่ผมพูด เราต้องตัดขาดจากสิ่งเหล่านั้น, ลืมมันซะ แล้วมีสมาธิกับตัวเอง”
“ทีมนี้มีสปิริตที่น่าอัศจรรย์มากๆในคืนวันพุธที่ผ่านมา และนั่นคือสิ่งที่เราต้องรักษาเอาไว้ มันคือตัวชี้วัดสำหรับตอนนี้ มันเป็นมาตรฐานและข้อเรียกร้องที่พวกเราวางเอาไว้ให้กันและกัน”