โมดริชซัดเปิด-เบนเซม่าซัดปิด!! “เรอัล มาดริด” ไล่ทุบเอาชนะ “บิลเบา” ไปด้วยสกอร์ 2-0 คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

เกมการแข่งขัน พบกันระหว่าง แอธเลติก บิลเบา กับ เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอล ซูแปร์โคปา เด เอสปันญ่า รอบชิงชนะเลิศที่สนาม คิง ฟาฮัด อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม, กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย (สนามกลาง) เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ ที่ 16 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ แอธเลติก บิลเบา ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มาร์เซลิโน การ์เซีย โตรัล มาเล่นในระบบ 4-4-2 นำทีมโดย อีเกร์ มูเนียอิน เพลย์เมกเกอร์ตัวทำเกม ดานี่ การ์เซีย กองกลางห้องเครื่อง และ อินญากี้ วิลเลี่ยมส์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่ง เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย โทนี่ โครส กองกลางตัวคุมจังหวะเกม วินิซิอุส จูเนียร์ ตัวจี๊ดริมเส้นความเร็วสูง และ คาริม เบนเซม่า ดาวยิงตัวจบสกอร์ของทีม 

นาที 3

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่ง ทัพราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ คาเซมิโร่ บริเวณหน้ากรอบ แทงตามช่องให้ โรดริโก้ ได้โชว์ความพลิ้ว เลี้ยงเลาะจากสุดเส้นหลังฝั่งขวาเข้าเขตโทษ ก่อนจะสบโอกาสได้ซัดเน้น ๆ หน้าเสาแรก จังหวะสุดท้ายหวดโดนแปก ๆ ไปหน่อย ส่งบอลออกหลังไปเฉยเลย ยังไม่ได้ลุ้นอะไร 

นาที 16

แอธเลติก บิลเบา ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา อีเกร์ มูเนียอิน เปิดบอลโด่ง โค้งสวยไปที่เสาไกลให้ อินญิโก้ มาร์ตีเนซ ได้โหม่งตั้งเข้ากลางให้ เยราย อัลบาเรซ โขกเหน่ง ๆ ส่งบอลถากเสาแรกขวามือ หลุดออกหลังไปไม่เยอะ พอได้ลุ้นทีเดียว

นาที 18

เรอัล มาดริด บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ โรดรีโก้ จ่ายบอลฝากไปที่หน้ากรอบฝั่งขวาให้ คาริม เบนเซม่า ได้แต่งหาช่อง ก่อนจะขอลองซัดด้วยขวาเน้น ๆ นอกเขตโทษ ส่งบอลพุ่งแรงได้น้ำหนัก ทำท่าจะเสียบเสาซ้ายมือเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา ผวาพุ่งไปปัดปลายมือเอาไว้ได้ทันหวุดหวิด เสียเป็นลูกเตะมุม

นาที 27

เรอัล มาดริด บุกเจาะขึ้นมาทางกราบขวา จังหวะนี้ คาเซมิโร่ ลากพาบอลขึ้นมาเองถึงริมกรอบเขตโทษ เจ้าตัวเห็นช่อง สบโอกาสขอลองเล่นลูกไก่ ตัดสินใจวางเท้าตะบันด้วยขวาเน้น ๆ เต็มข้อนอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว เกือบจะเสียบเสาแรกเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา ยังคงเหนียว ผวาพุ่งปัดออกหลังได้ทันเวลา

นาที 28

เรอัล มาดริด ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จังหวะนี้ โยนเข้าไปแล้วโดนสกัดเด้งออกมาทาวขวาเหมือนเดิมถึง โทนี่ โครส ได้ตั้งป้อมบรรจงบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตู แล้วเป็น คาเซมิโร่ คนเดิม ได้เทคตัวขึ้นโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลเกือบจะมุดใต้คานเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา เจ้าเก่า ยังยืนตำแหน่งได้ดี พุ่งไปปัดเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 37

แอธเลติก บิลเบา ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง จังหวะนี้ อีเกร์ มูเนียอิน ลากพาบอลหลุดขึ้นมาทางกราบซ้าย เจ้าตัวไหลเข้ากลางมาที่หน้าเขตโทษให้ โอเออร์ ซาร์ราก้า ได้ลองวางเท้าซัดด้วยขวาเต็มข้อนอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว แต่ทิศทางยังไม่เข้าเป้า เหินข้ามคานออกไปไกล

นาที 38 GOAL!!!

เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 !!! จากจังหวะ โรดรีโก้ กระชากพาบอลสวนกลับเร็วขึ้นมาทางฝั่งขวา เจ้าตัวลากทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะตวัดย้อนไหลนิ่ม ๆ มาที่หัวกระโหลกตั้งให้ ลูก้า โมดริช วิ่งสอดมาวางเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ อูไน ซิม่อน ผู้รักษาประตูบิลเบา เสียบเสาแรกขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 41

เรอัล มาดริด ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งขวา จังหวะนี้ โทนี่ โครส เปิดโด่งเข้าไปลุ้นโดนอนวรับบิลเบา โหม่งสกัดออกมาที่หน้าเขตโทษเข้าทาง ลูก้า โมดริช สบโอกาสได้ลองวางเท้าสับไกด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ คราวนี้บอลลอยโด่ง เหินข้ามคานออกไปไม่ได้ลุ้น

นาที 45

แอธเลติก บิลเบา เกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะ อีเกร์ มูเนียอิน จ่ายยัดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้ายให้ ออยอาน ซานเซ็ต ลากจี้หาช่องตัดเข้าในมาถึงกลางประตู ก่อนจะเห็นเหลี่ยม บรรจงก้มหน้าปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูมาดริด เฉียดเสาไกลขวามือ ลอยหลุดออกหลังไปแค่นิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทางฝั่ง ทัพราชันชุดขาว ที่ครองบอลได้มากกว่าตามสไตล์ เป็นฝ่ายขึงเกมรุกบุกใส่คู่แข่งได้อย่างต่อเนื่อง ยิงประตูออกนำไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ แอธเลติก บิลเบา 0 เรอัล มาดริด 1 !!!

นาที 52 GOAL!!!

เรอัล มาดริด มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 !!! จากจังหวะ วิ่งสอดมาวางเท้าซัดด้วยขวาเน้น ๆ บริเวณหัวกระโหลก บอลพุ่งไปติดบล็อกโดนแขนของ เยราย อัลบาเรซ เปลี่ยนทางกระเด้งออกมา ผู้ตัดสิน เซซาร์ โซโต้ ขอวิ่งไปเช็ค VAR เพื่อความชัวร์ สุดท้ายกลับลงมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพราชันชุดขาวทันที แล้วก็เป็น คาริม เบนเซม่า เจ้าเก่า รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

นาที 54

แอธเลติก บิลเบา พยายามตั้งเกมบุกขึ้นมาแต่ไม่เป็นผล ยังเจาะแนวรับมาดริดไม่เข้าเลย จังหวะนี้ มิเกล บาเลนเซียก้า จ่ายบอลมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายให้ อีเกร์ มูเนียอิน ได้ลองซัดไกลด้วยขวานอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งแรงเหินข้ามคานออกไปไกล ยังไม่ได้ลุ้นตีไข่แตก

นาที 64

แอธเลติก บิลเบา ได้ลุ้นตีตื้นสองหนติด ๆ กัน จากจังหวะ ราอูล การ์เซีย ราอูล การ์เซีย ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา มีโอกาสได้จบเหน่ง ๆ ในกรอบเขตโทษ มีทั้งยิงและโหม่ง ทว่าจังหวะสุดท้ายก็ยังไม่เข้าเป้า หลุดเสาขวามือ ลอยออกหลังไปอีกอยู่ดี ทั้งสองครั้ง

นาที 76

แอธเลติก บิลเบา บุกขึ้นมาอีกระลอก จังหวะนี้ ยูริ เบร์ชีเช่ ได้บอลหลุดขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย เจ้าตัว บรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยข้ามฟากไปยังเสาไกลให้ ราอูล การ์เซีย ได้สอดมาเทคตัวขึ้นโขกเต็ม ๆ ส่งบอลบอลถากเสาใกล้ เข้าหน้าหลุดออกหลังไปแค่นิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

นาที 82

แอธเลติก บิลเบา พยายามโหมบุกหวังเอาประตูตีไข่แตก จังหวะนี้ นิโก เซร์ราโน่ แข้งสำรองที่เพิ่งลงมา รับบอลมาที่หน้าเขตโทษ เจ้าตัวขอลองสาวเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวย ทว่าทิศทางยังไม่หยีมือเท่าไหร่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูมาดริด เขยิบมารับเอาไว้ได้สบาย

นาที 87 ใบแดง!!!

สถานการณ์ของเรอัล มาดริด ย้ำแย่ขึ้นไปอีกนิด เมื่อต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ ยูริ เบร์ชีเช่ บรรจงหยอดบอลโด่งเข้าไปที่หน้าประตู แล้วเป็น ราอูล การ์เซีย ได้โหม่งเหน่ง ๆ ระยะเผาขน แต่เป็น เอแดร์ มิลิเตา ไปเจตนาทำแฮนด์บอล ผู้ตัดสินขอวิ่งไปดู VAR สุดท้ายกลับลงมาแจกใบแดงให้กองหลังมาดริดรายนี้ออกจากสนามไป แถมชี้ให้เป็นจุดโทษอีกตะหาก

นาที 89 GOAL!!!

แอธเลติก บิลเบา พลาดโอกาสทองฝังเพชรที่จะได้ประตูตีไข่แตก จากจังหวะ ได้ลูกจุดโทษ แล้วเป็น ราอูล การ์เซีย รับหน้าที่สังหาร ทว่าเจ้าตัวดันซัดไปโดน ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูมาดริด ใช้เท่าเซฟเอาไว้อย่างสุดยอด น่าเสียดายสุด ๆ ช็อตนี้ 

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทาง เรอัล มาดริด ไล่ทุบเอาชนะ แอธเลติก บิลเบา ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 !!! ผงาดคว้าแชมป์ ซูแปร์โคปา เด เอสปันญ่า สมัยที่ 12 ได้สำเร็จ

สนับสนุนไฮไลท์ฟุตบอลโดย ufabet