โรดรี้ซัดทดเจ็บ!! “แมนซิตี้” บุกมาพลิกสถานการณ์ แซงเฉือน “อาร์เซน่อล” สิบตัวคารัง 2-1

เกมการแข่งขัน ระหว่าง เจ้าถิ่น ทัพปืนใหญ่ อาร์เซน่อล เปิดสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต้อนรับการมาเยือนของทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา

เกมนี้ เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า มาเล่นในระบบ 4-2-3-1 นำทีมโดย โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางเท้าหนัก บูคาโย่ ซาก้า ปีกตัวจี๊ดทีมชายอังกฤษ และ อเลซ็องด์ร ลากาแซ็ตต์ ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม

ขณะที่ทางฝั่งทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มาเล่นในระบบ 4-3-3 นำทีมโดย เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์จอมแอสซิสต์ ริยาด มาห์เรซ ปีกจอมพลิ้ว และ กาเบรียล เชซุส กองหน้าตัวความหวังของทีม

นาที 5

เปิดฉากมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน ทัพเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ทักทายก่อน จากจังหวะ ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายแล้วเล่นสั้นจ่ายมาให้กับ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ลากย้อนกลับมาถึงบริเวณมุมกรอบเขตโทษ ก่อนจะบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูให้ กาเบรียล เชซุส โฉบมาโขกเหน่ง ๆ ส่งบอลถากเสาแรกซ้ายมือ หลุดออกหลังไปเองนิดเดียวอย่างน่าเสียดาย

นาที 10 VAR!!!

เจ้าถิ่น ทัพปืนใหญ่ อาร์เซน่อล โวยวายฟ้องจะเอาจุดโทษกันใหญ่ จากจังหวะ ทำชิ่งต่อบอลกันขึ้นมาสวยถึง มาร์ติน โอเดการ์ด ได้สอดทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวจับบอลยาวแล้วโดน เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน ออกมาสกัดร่วงลงไป ทว่าผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตต์เวลล์ ยังใจแข็ง ไม่ได้ว่าอะไร แถม VAR ก็ยังยืนยันไม่ให้เช่นกัน

นาที 14

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาได้ลุ้นอีกระลอก จังหวะนี้ เตะมุมแล้วโดนสกัดออกมา ก่อนจะเป็นแถวสองที่เก็บได้ส่งต่อมาให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง บริเวณริมเส้นฝั่งขวา เจ้าตัวตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่ง โค้งสวยเข้าไปที่กลางประตูอีกที แล้วก็เป็น รูเบน ดิอาส โฉบมาเทคตัวขึ้นโขกเช็ดเหน่ง ๆ ส่งบอลพุ่งเฉียดเสาสองซ้ายมือ หลุดออกหลังไปนิดเดียว อย่างน่าเสียดาย

นาที 16

เกมเปิดหน้าแลกกันอย่างสนุก จังหวะนี้เป็นเจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ที่ได้ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง เมื่อตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว โธมัส ปาร์เตย์ แตะหนีคู่แข่งจากกลางสนามขึ้นมาสวย เจ้าตัวจ่ายแทงทะลุช่องให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย ติดเครื่องกระชากเข้าไปในเขตโทษ ก่อนจะซัดมุมแคบเน้น ๆ ยัดไปที่เสาแรก ทว่าเป็น เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน ยืนปักหลักปิดมุมเอาไว้อยู่แล้ว ทิ้งตัวใช้เท้าสกัดออกหลังได้ทัน

นาที 19

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึงเกมรุกเข้าใส่เจ้าถิ่นตามสไตล์ จังหวะนี้ กาเบรียล เชซุส มีโอกาสได้หลุดเข้าไปในกรอบแต่โดนเบียดสกัดเสียบอล แล้วเป็น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตามมาเก็บตกแล้วจ่ายคืนให้กับ เชซุส จิ้มต่อตั้งมาที่หน้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ วิ่งมาขอลองวางเท้าบรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ ส่งบอลพุ่งโค้ง ลอยหลุดเสาสองออกหลังไป ชนิดได้เสียว

นาที 31 GOAL!!!

เจ้าถิ่น ทัพปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ได้ประตูออกนำไปก่อนเป็น 1-0 !!! จากจังหวะที่เหมือนจะไม่มีอะไร ต่อบอลทำเกมกันขึ้นมาที่หน้าเขตโทษด้านซ้ายให้กับ คีแรน เทียร์นี่ย์ ดันสูงมาแทงเลียดยัดเข้าไปที่กลางประตูดื้อ ๆ ให้ บูคาโย่ ซาก้า สอดมาตวัดยิงเร็วด้วยซ้ายหักข้อเน้น ๆ แบบไม่จับ ส่งบอลกระดอนหนีมือ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน เสียบเสาขวามือ เข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย อย่างสวยงาม

นาที 39

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล กลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม แถมเกือบจะได้ประตูหนีห่าง จากจังหวะ บูกาโย่ ซาก้า จ่ายมาที่หน้าเขตโทษตรงกลางให้ อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ ไหลออกไปซ้ายต่อให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้บรรจงปั่นด้วยขวาเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยหนีมือ เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน เฉียดเสาไกลขวามือ หลุดออกหลังไปแค่นิดเดียวอย่างน่าเสียดายสุด ๆ

นาที 43

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ตัดบอลได้แล้วสวนกลับเร็ว จังหวะนี้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ติดเครื่องพาบอลขึ้นมาเองคนเดียว เจ้าตัวพลิ้วหนี ชูเอา คันเซโล่ ทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะโดนขวางถึงสอง แต่สุดท้ายก็ยังกระชากไปซัดด้วยซ้ายเน้น ๆ มุมแคบจนได้ เจ้าตัวส่งบอลพุ่งผ่านหน้าปากประตู หลุดเสาสองออกไปนิดเดียวเท่านั้น

หมดเวลาครึ่งแรก เป็นทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัดตามสไตล์ถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ทว่าจังหวะสวนกลับเร็วของเจ้าถิ่น อาร์เซน่อล วันนี้น่ากลัวเหลือเกิน ยิงประตูออกนำทัพเรือใบไปก่อนแล้วหนึ่งลูก สกอร์ตอนนี้ อาร์เซน่อล 1 แมนซิตี้ 0 !!!

นาที 57 GOAL!!!

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอเป็น 1-1 !!! จากจังหวะ แบร์นาร์โด้ ซิลวา พยายามพาบอลหนี กรานิต ชาก้า แต่โดนดึงล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตต์เวลล์ ส่งสัญญาณให้เล่นต่อไป ก่อนจะขอย้อนดู VAR สุดท้ายกลับลงมาเป่าชี้ให้เป็นลูกจุดโทษของทัพเรือใบ แล้วก็เป็น ริยาด มาห์เรซ รับหน้าที่สังหาร ซัดเข้าประตูไป ไม่พลาด

นาที 58

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล เกือบได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากจังหวะ บอมบ์โด่งเข้าไปในเขตโทษ แล้วเป็น อายเมริค ลาปอร์กต์ โหม่งคืนหลังไม่ดู บอลลอยข้ามหัวของ เอแดร์ซอน โมราเอส นายทวารทีมเยือน ที่พยายามออกมารับ ทำท่ากำลังจะข้ามเส้นเข้าประตูอยู่แล้ว ทว่าเป็น นาธาน อาเก้ ตามมาสกัดได้ทันหวุดหวิด ก่อนที่บอลสุดท้ายจะมาเข้าทางปืนของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้วิ่งมาซ้ำโล่ง ๆ ส่งบอลหลุดกรอบออกหลังไปเองอย่างน่าเสียดาย

นาที 59 ใบแดง!!!

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่สิบคน จากจังหวะ กาเบรียล มากัลเญส ที่เพิ่งโดนใบเหลืองไปก่อนหน้านี้ ไปเจตนาตัดฟาล์วใส่ กาเบรียล เชซุส ล้มลงไปตรงบริเวณกลางสนาม ผู้ตัดสิน สจวร์ต แอตต์เวลล์ ควักใบเหลืองใบที่สองให้แก่ปราการหลังชาวบราซิลเลี่ยน กลายเป็นใบแดง ไล่ตะเพิดเจ้าตัวออกจากสนามไปทันที ก่อนที่ทัพปืนใหญ่ จะส่งเอา ร็อบ โฮลดิ้ง ลงมาเล่นเซนเตอร์แบ็คแทน แล้วจัดการถอด มาร์ติน โอเดการ์ด ออกไปพักตามแท็กติก

นาที 66

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตัวผู้เล่นมากกว่า พยายามบุกกดดันเข้าใส่เจ้าถิ่นอย่างหนัก จังหวะนี้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จ่ายออกซ้ายให้กับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง พาบอลพลิ้วหนี ทากาฮิโระ โทมิยาสุ ลากตัดเข้ากลางถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองซัดไกลนอกกรอบเน้น ๆ ส่งบอลลอยโด่ง เหินข้ามคาน หลุดออกหลังไปไกล

นาที 71

ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดันสูงกันขึ้นมาขึงเกมรุกอยู่ที่หน้าเขตโทษของเจ้าถิ่น จังหวะนี้ เคาะบอลป้วนเปี้ยนไปมา ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น อายเมริค ลาปอร์กต์ ที่ดันสูงขึ้นมา ขอลองส่องไกลนอกกรอบ ระยะกว่า 30 หลา ส่งบอลพุ่งแรงน่ากลัว ทว่ายังไม่เข้าเป้า ลอยหลุดออกหลัง ข้ามคานออกไป

นาที 77

เจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ที่ตัวผู้เล่นน้อยกว่า ยังไม่ถอดใจง่าย ๆ จังหวะนี้ โธมัส ปาร์เตย์ ได้บอลลุยทะลุเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา เจ้าตัวพยายามปาดเลียดเข้าไปที่กลางประตูให้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กำลังจะได้ซัดโล่ง ๆ อยู่แล้ว ทว่าเป็น เอแดร์ซอน โมราเอส ผู้รักษาประตูทีมเยือน อ่านเกมขาด พุ่งออกมาเคลียร์ทิ้งเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 80

เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกขึ้นมาได้ลุ้นอีกระลอก จังหวะนี้ ชูเอา คันเซโล่ ดันสูงขึ้นมารับบอลทางกราบขวา เจ้าตัวลากตัดเข้ากลางมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจะขอลองบรรจงวางเท้าปั่นด้วยซ้ายเน้น ๆ นอกกรอบ ส่งบอลพุ่งแรงโค้งสวยน่ากลัว ทว่าทิศทางยังไม่เข้าเป้า ลอยโด่งเหินข้ามคานออกไปอีก

นาที 87

ก่อนหมดเวลา ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงได้บุกอย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ริยาด มาห์เรซ พยายามกดสูตรลูกถนัด เลี้ยงลุยเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวา ก่อนจะโยกตัดเข้าในแล้วซัดเร็ว ทว่าแนวรับอาร์เซน่อลยังรู้แกว ช่วยกันบล็อกลูกยิงเอาไว้ได้ทันเฉียดฉิว

นาที 90+3 GOAL!!!

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูพลิกแซงขึ้นนำเป็น 2-1 !!! จากจังหวะ เควิน เดอ บรอยน์ ได้บอลบริเวณริมเส้นฝั่งขวา เจ้าตัวตั้งป้อมบรรจงเปิดบอลโด่งข้ามแนวรับไปที่หน้าเสาแรกขวามือ แล้วเป็น ร็อบ โฮลดิ้ง โหม่งสกัดไม่ดี บอลลอยมาที่กลางประตูเข้าทาง อายเมริค ลาปอร์กต์ ซัดติดบล็อก ก่อนที่บอลจะกระฉอกมาเข้าทางปืนของ โรดนี้ ได้จิ้มซ้ำจ่อ ๆ ผ่านมือ อารอนส์ แรมส์เดล ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น กลิ้งเข้าประตูไป ซุกก้นตาข่าย ไม่เหลือซาก

หมดเวลาการแข่งขัน เป็นทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่บุกมาเฉือนเอาชนะเจ้าถิ่น อาร์เซน่อล ไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 !!! คว้าชัยได้ 9 นัดรวดติดต่อกันในลีก นำโด่งจ่าฝูงของตารางคะแนน โดยนัดต่อไปจะเปิดบ้านพบกับเชลซี ในคืนวันเสาร์ที่ 15 มกราคม 2565 ส่วนทางด้านอาร์เซน่อล รั้งอันดับที่ 4 ของตาราง นัดต่อไปจะต้องออกไปเยือนท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2565 ที่จะถึงนี้