4 มหากาฬพญายม (2012) The Four

AW the four

หลายปีที่ผ่านมานิยายชุด 4 มือปราบพญายม ของ อุนสุยอัน ถูกดัดแปลงเป็นหนังจีนชุดหลายรอบมากๆ เรียกว่าสามารถชิงตำแหน่ง “สร้างถี่” กับหนังชุดมังกรหยกได้เลยล่ะครับ

เวอร์ชั่นแรกที่ผมได้ดูคือ 4 มือปราบมหากาฬ ที่มี เหอยุ่นตง เล่นเป็นจุยมิ่ง (หรือตุยเมี่ย) ต่อมาก็เจอ 4 มือปราบมหากาฬ ภาค 2 (ที่จริงๆ ไม่ได้เป็นภาคต่ออะไรกัน) ฉบับนี้มือเหล็กเถี่ยโส่ว (ทิซิ่ว) เป็นพระเอก

จากนั้นก็มี 4 มือปราบพญายม ตอน กระบี่สะท้านฟ้า ที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ตอน ฝ่าความตาย และได้ จางจื้อหลินเป็นดารานำ และเวอร์ชั่นล่าสุดที่ได้รับชมคือ 4 ยอดมือปราบ ฉบับ TVB ที่ หลินฟง เล่นเป็นอู๋ฉิง (หรือ บ้อเช็ง) นี่ยังไม่รวมเรื่อง คู่แค้นทวนพิฆาต ที่ว่าด้วยเรื่องของจูเก๊อะเจิ้นหว่อล้วนๆ อีกอันด้วยนะครับ

โดยส่วนตัวแล้วภาคที่ถือว่าสนุกที่สุดในบรรดา 4 ภาคนี้ ก็ขอยกให้กับตอน กระบี่สะท้านฟ้าที่เข้มข้นได้ใจ ดาราแสดงดี แม้จะมีช่วงเชื่องช้าบ้างแต่ก็ยังได้ความสนุกน่าติดตามในช่วงกลางๆ และหลังๆ มาดึงคะแนนบวกได้

ที่ผมนั่งระลึกชาตินี่ก็เพื่อประมวลความคิดไปในตัวครับ ว่าประมาณ 10 ปีที่ผ่านมานี่เราเจอท่านจูเก๊อะและคณะ 4 มือปราบโดยเฉลี่ย 2 ปีต่อครั้ง และบัดนี้เราก็ได้มาเจอกับฉบับหนังใหญ่เข้าอีกเรื่อง ซึ่งเห็นเขาว่าจะทำเป็นไตรภาคเลยด้วยครับ

ก็ยอมรับว่าประหลาดใจในหลายๆ ส่วน ตั้งแต่ทราบว่าจะมีการดัดแปลงอะไรไปหลายๆ อย่าง อย่างที่สำคัญสุดคือ พี่ใหญ่แห่ง 4 มือปราบอย่างอู๋ฉิงที่เป็นสุภาพบุรุษบนรถเข็นมาตลอดในทุกเวอร์ชั่น ก็ถูกเปลี่ยนเพศเป็นสตรี ซึ่งได้ หลิวอี้เฟย ผู้น่ารักมาแสดง… พอทราบดังนั้นก็พยายามมองบวกครับว่าคงเปลี่ยนปรับเพื่อให้แนวทางมันไม่ซ้ำเดิม เพราะเชื่อว่าชาวฮ่องกงน่าจะเจอสี่มือปราบบ่อย จนกระอักออกมาเลข 4 แล้ว การเปลี่ยนนั่นนี่เพื่อเพิ่มความใหม่จึงเป็นอะไรที่พอเข้าใจได้

แต่พอได้รับชมแล้วนั้น… ผมก็กระอักไอค่อนประมาณนี้ออกมา

เรื่องราวในภาคนี้ว่าด้วยการตามสืบคดีชิงแม่พิมพ์เงินครับ ซึ่งคดีนี้ก็เป็นที่จับตาทั้งแผ่นดิน ไม่ว่าจะจวนเสินโหวที่ดูแลโดยท่านจูเก๊อะเจิ้นหว่อ (หวงซิวเซิง) อดีตยอดมือปราบที่ยังคงทำงานสืบสวนเพื่อพิทักษ์ราชบัลลังก์และแผ่นดินอยู่ โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าง อู๋ฉิง (หลิวอี้เฟย) และ เถี่ยโส่ว (โจวจ้าวหลง) คอยลงภาคสนามไปตามสืบ

ขณะเดียวกันสำนักมือปราบหกเหลี่ยมก็กำลังจับตาคดีนี้เช่นกัน โดยส่งเหลิ่งเสี่ย (เติ้งเชา) เข้ามาสังเกตการณ์ อีกทั้งยังมีนักทวงหนี้มือทองนามว่าจุยมิ่ง (เจิ้งจงจี) มาร่วมพัวพันในคดีนี้ด้วย

แล้วหนังก็บอกเล่าถึงการรวมตัวกันของ 4 มือปราบครับ ที่ตอนแรกยังไม่รวมทีมกัน ระหว่างนั้นก็มีทะเลาะกันบ้าง แย้งกันแตกกันบ้าง ก่อนที่ตอนท้ายทั้งอู๋ฉิง, เถี่ยโส่ว, จุยมิ่ง และเหลิงเสี่ย จะมาช่วยกันสยบวายร้ายผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวชิงแม่พิมพ์ครั้งนี้

ครับ… ก็ว่ากันแบบซื่อๆ เลยนะครับว่าดูหนังแล้วรู้สึก “เฉยๆ” กับหนังเป็นส่วนใหญ่ แต่กระนั้นก็พยายามมองบวกต่อหนังเท่าที่พอจะมีกำลังน่ะครับ อันแรกที่พอจะมองบวกได้ก็คือตัว 4 ตัวเอก

ตอนแรกผมออกจะแปลกๆ กับการแคสติ้งดาราที่มารับบท 4 มือปราบในชุดนี้มาก มันแหวกจากของเดิมไปเยอะ แต่พอดูไปก็พอทำใจรับได้ ทว่าอันนี้เราต้องลืมภาพสี่มือปราบของเดิมให้หมดครับ แล้วคิดว่า 4 คนนี้คือ มือปราบ 4 คน มารวมตัวกันทำงานให้ท่านจูเก๊อะเจิ้นหว่อ

ตรงนี้เลยอยากจะขอแนะนำคาถาเล็กๆ ที่ท่องแล้ว อาจจะช่วยให้โอเคกับหนังมากขึ้น “นี่คือมือปราบ 4 คน ไม่ใช่ 4 ยอดมือปราบ”

ท่องแล้วช่วยได้ครับ ขืนไปทาบวัดจากคาแรคเตอร์เดิมมีหวังมึน เพราะนอกจากอู๋ฉิงเปลี่ยนจะเป็นหญิงแล้ว เถี่ยโส่วก็ให้อารมณ์ประมาณหนึ่งใน 18 อรหันต์วัดเส้าหลินมากกว่าจะเป็นมือเหล็กท้าตายจอมทรนง จุยมิ่งก็ชวนให้นึกถึงเล็กเซียวหงส์ เพราะครบเซ็ทความเป็น “หน้าตี๋ สี่คิ้ว หิวเหล้า เม้าท์กระจาย” นี่ถ้าแกใช้สองนิ้วแทนสองเท้าผมคงคิดว่าเป็นพี่เล็กไปแล้วล่ะครับ ส่วนเหลิ่งเสี่ยเอง รายนี้พอจะถือว่าใกล้กับคาแรคเตอร์เดิมที่สุดแล้ว (ยกเว้นตอนกลายสภาพเป็น เดอะ ฮัลค์)

ดังนั้นการมองว่าพวกเขาคือมือปราบ 4 หน่อที่มีความพิเศษต่างกันไป มารวมตัวกันโดยไม่เอานิยายมาเทียบ แต่นึกไปถึง Fantastic Four แทน จุดนี้ก็น่าจะโอเคมากขึ้น เพราะอย่างน้อยเหล่านักแสดงก็เล่นกันได้ดีครับ นอกจาก 4 ตัวหลักแล้ว หวงซิวเซิงก็ดูเข้ากับบทท่านจูเก๊อะในระดับหนึ่ง ดาราในเรื่องส่วนใหญ่ถือว่าทำได้ดีกับบท (และทิศทางของตัวละคร) ที่ได้รับครับ

อันต่อมาที่พอจะมองบวกได้คือลีลาบู๊ที่น่าพอใจ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่อย่างน้อยฉากบู๊ภาคบังคับประจำหนังที่สร้างจากนิยายของอุนสุยอันอย่าง “หนึ่งตัวเอกรับมือ 10 ตัวร้าย” ก็ยังมี หรือฉากบู๊เดี่ยวๆ ตอนต้นเรื่องก็เร้าใจพอประมาณ

แต่ส่วนอื่นๆ ที่พร่องนั้นก็พยายามมองบวกไม่ไหวเหมือนกัน อย่างการใช้พลังพิเศษต่อสู้ในเรื่อง ที่ออกแนวฮีโร่ Marvel มากกว่าจะเป็นกำลังภายในแบบดั้งเดิม ซึ่งส่วนนี้กลายเป็นการตัดตอนความมันส์สะใจที่พึงมีออกไป เพราะระหว่างคนออกหมัดออกแรง แล้วค่อยซัดพลังไม้ตายในนาทีสุดท้าย มันย่อมเร้าใจกว่าการเจอหน้ากันแล้วร่ายพลังแบบง่ายๆ แล้วก็ใส่กันจบภายในเวลาชั่วขณะเดียวเป็นไหนๆ

นี่ยังไม่รวมเหล่าซอมบี้ที่ทุกคนต่างพูดถึงเสมอยามกล่าวถึงหนังเรื่องนี้ เพราะมันเกินคาดหมายจริงๆ ครับ ซอมบี้พันธุ์หิมะฆ่าไม่ตาย แต่ต้องเล่นที่หัวเท่านั้น (สารภาพว่าแอบขำตอนท้ายที่อู๋ฉิงกับเย่าหัวออกโรงใช้อาวุธลับเกล็ดหิมะซัดพวกซอมบี้… ในใจอุทาน “โอ้ นั่น อลิซกับแคลร์นี่หน่า” 55555)

เรื่องต่อมาที่มองบวกไม่ไหวอีกก็คือบทครับ บทยังโล่งยิ่งนัก การสืบคดีก็เดินเรื่องเชื่องช้ามากไปนิด การทิ้งปมก็ไม่ค่อยจะน่าสนใจ ยิ่งมาเปิดตัวผู้ร้ายแบบชัดๆ ตั้งแต่ตอนต้นเรื่องก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ติดตามต่อ แค่รอว่าเมื่อไรพวกพระเอกจะรู้และซัดกับหมอนั่นซะที ซึ่งระหว่างรอนั้นบางทีก็มีช่วงชวนเบื่อเหมือนกัน

ด้านสัมพันธภาพระหว่าง 4 ตัวหลักก็ยังไม่ค่อยจะลงตัว ยกเว้นเถี่ยโส่วกับจุยมิ่งที่ดูจะซี้กันเองได้เหมาะกว่าเพื่อน นอกนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกันดูจะห่างไปสักหน่อย และเรื่องรักๆ ระหว่างเหลิ่งเสี่ยกับอู๋ฉิงก็ดูนิ่งพิกลทั้งที่สองคนนี้ดูจะเป็นพระ-นางประจำเรื่องแท้ๆ

ดูจบแล้วจึงรู้สึกว่าหนังยังมีทั้งส่วนที่ขาด (ด้านบท, ความสัมพันธ์ทั้งระหว่างตัวเอก และระหว่างพวกมือปราบกับท่านจูเก๊อะ, ปมปริศนาชวนลุ้น, แอ็กชันมันส์ๆ) และส่วนที่เกิน (พลัง Marvel, ซอมบี้หิมะ) ผมนั้นแม้จะพยายามมองบวกแต่ก็ยังรู้สึกธรรมดากับหนัง ไปๆ มาๆ กลับย้อนนึกไปถึง ตี๋เหรินเจี๋ย ดาบทะลุคนไฟ ที่ทำได้สนุกกว่า ชวนติดตามกว่าในฐานะหนังสืบสวนผสมกำลังภายในที่สร้างจากนิยายดังเหมือนกัน

เป็นการขึ้นต้นไตรภาคที่น่าเป็นห่วงเหมือนกันครับ เพราะดูแล้วมันยังไม่ติดใจไม่ว่าจะตัวหนังหรือตัวละคร ความแน่นของรากฐานก็ยังไม่ดี ปมที่ทิ้งไว้ก็ไม่ได้เร้าให้อยากรู้ต่อ (อาจเพราะหนังทั้งเรื่องไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นการสืบสวนเท่าที่ควรก็เป็นได้)

แต่ถ้ามีภาคสองก็จะรอดูต่อครับ ส่วนใครที่อยากรู้รสแท้ๆ ของ 4 มือปราบพญายมแนะนำให้หานิยายมาอ่านนะครับ หรือหากชอบหนังจีนชุดก็จัดตอน กระบี่สะท้านฟ้าไปดูสักชุด เชื่อว่าน่าจะพึงพอใจได้ครับ

ส่วนเรื่องนี้ สองดาวครับ

Star21

(6/10)