นัดนี้จะเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เรอัล เบติส ที่สนาม โอลด์แทร็ฟฟอร์ด ในศึก ยูโรปา ลีก *รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก (ยุโรป) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา
เกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะมาเล่นด้วยระบบ 4-2-3-1 ที่คุ้นเคย นำโดยตัวหลักจากเกมล่าสุดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ดาบิด เด เคอา,ลุค ชอว์,เวาท์ เวกฮอร์สต์,มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นานเดส
ขณะที่ เรอัล เบติส จะมาสู้ด้วยระบบ 4-2-3-1 เช่นเดียวกัน นำโดยเสาหลักของทีมอย่าง เคลาดิโอ บราโว่,เจอมัน เปซเซลล่า,กิโด้ โรดริเกซ,อาโยเซ่ เปเรซ และ หลุยส์ เอร์ริเก้ เป็นต้น
นาทีที่ 5
น.5 แมนยูไนเต็ด ไม่มัวชักช้าบุกขึ้นมาได้ลุ้นประตูก่อนเลย จากจังหวะที่ เฟรด พาบอลหลุดไปทางขวา ก่อนจะสบโอกาสเปิดเข้ากลางให้ เวกฮอร์สต์ เข้าฮอสด้วยหน้าอก ส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวย แต่ไม่ได้ประตู เพราะสุดท้ายแล้วลูกนึ้โดนกรรมการริบคืน เนื่องจากมีธงล้ำหน้าสะบัดขึ้นมาก่อนแล้ว
นาทีที่ 6 แมนยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0
เบติส หลังจากรอดไม่เสียประตูในจังหวะก่อนหน้า แต่ผ่านไปไม่ถึงนาที พวกเขาก็โดน แมนยูไนเต็ด บุกมายิงประตูจนได้ จากจังหวะที่ แนวรับของ เบติส เคลียร์ไม่ขาด แรชฟอร์ด สามารถเลี้ยงหลบไปได้ ก่อนจะได้ช่อง ลากบอลเข้าไปยิงแสกหน้า บราโว่ เสยเพดานตาข่ายไม่มีเหลือ
นาทีที่ 32 เบติส ตีเสมอ 1-1
หลังจากเล่นรับมาตลอดเกือบ 40นาที เบติส เพิ่งจะมีโอกาสจะแจ้งครั้งแรก ซึ่งพวกเขาก็ไม่พลาดตีเสมอได้เลยทันที จากจังหวะที่ ฆวนมี่ เก็บบอลในกรอบเขตโทษได้ ก่อนจะเลือกงัดส่งบอลต่อให้ อาโยเซ่ ซัดเรียด ผ่านมือ ดาบิด เด เคอา ตุงตาข่ายอย่างสวย
หมดครึ่งเวลาแรก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – 1
เรอัล เบติส – 1
นาทีที่ 52 แมนยูไนเต็ด หนีห่าง 2-1
กลับมาต่อครึ่งหลัง เกมดำเนินไปได้แค่แปปเดียว ฝั่งแมนยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-1 จากจังหวะที่ แอนโทนี่ เล่นลูกสูตรเลี้ยงตัดเข้าในจากกราบซ้าย ก่อนปั่นด้วยซ้ายส่งบอลโค้งพุ่งเสียบเสาไกล ตุงตาข่ายอย่างงาม
นาทีที่ 58 แมนยูไนเต็ด ขึ้นนำ 3-1
เบติส เครื่องเริ่มรวมเมื่อพวกเขามาเสียประตูที่3 ให้แมนยูไนเต็ด อีกแล้ว จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ เปิดลูกเตะมุมเข้ากลางให้ บรูโน่ สลัดตัวประกบวิ่งมาโหม่งที่เสาแรก ส่งบอลผ่านมือ บราโว่ เป็นประตู 3-1
นาทีที่ 82 แมนยูไนเต็ด ยิงปิดกล่อง 4-1
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีท้าย แมนยูไนเต็ด ยังคงเดินหน้าลุยไม่เลิก จนมาได้ประตูที่4 ส่งท้ายเพิ่มอีกลูก จากจังหวะที่ แมคโทมิเนย์ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงติดเซฟ บราโว่ แต่บอลยังขลุกขลิกหน้าประตูไม่ไปไหน สุดท้ายเป็น เวกฮอร์สต์ ที่เก็บตกทิ้งตัววอลเลย์ซ้ำดาบสองเข้าไปไม่มีเหลือ
หมดเวลาการแข่งขัน เป็น แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่เล่นได้เหนือกว่าตลอดทั้งเกม ส่งผลให้พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ เรอัล เบติส ไปได้ ด้วยผลสกอร์รวม 4-1