เมสัน เมาท์ มิดฟิลด์อนาคตไกลของ “สิงห์บลูส์” เชลซี พูดถึงการเดินทางอันแสนบ้าคลั่งก่อนจะได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปจนถึงช่วงเวลาที่แสนยากลำบากตอนที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด เจ้านายเก่าย้ายออกไป
ดาวรุ่งวัย 22 ปี พัฒนาฝีเท้าจากเด็กอัจฉริยะคนหนึ่งขนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของยุโรปกับฤดูกาลอันน่าทึ่ง ได้มีโอากสเล่นเป็นตัวหลักของทีมถึง 54 นัด ช่วยสโมสรทำอันดับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และปิดท้ายด้วยแชมป์ยุโรป
“มันเป็นเรื่องพิเศษมากสำหรับผมที่ได้ผ่านการเดินทางอันแสนยาวนานที่ผมได้ขึ้นชั้นและอยู่ตรงนี้กับทีมชุดใหญ่” เมาท์ กล่าว
“ถ้าไม่มีอะคาเดมี่ ผมก็คงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่ ได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี ผมมอบมันให้กับพวกเขา เป็นเพราะพวกเขาผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ มันคือการเดินทางที่บ้ามากๆ และพวกเขาก็ใช้ชีวิตร่วมกับผมมาตลอด”
แม้ซีซั่นนี้ภาพรวมจะยอดเยี่ยมสำหรับเมาท์ แต่ก็มีบางช่วงที่ยากลำบากสำหรับเขา อย่างตอนที่ แลมพาร์ด กุนซือที่มอบโอกาสให้เขา, แทมมี่ อับบราฮัม และริซ เจมส์ เล่นในทีมชุดใหญ่ ถูกปลดพ้นตำแหน่งไปเมื่อมกราคมที่ผ่านมา
“มีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่บ้าง มีอยู่ 2-3 เกมที่เราแพ้ทั้งที่ควรชนะ และทุกครั้งมันสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก เหมือนเกมเยือนอาร์เซนอล ยังจำได้เลยว่ามันสร้างความเจ็บปวดให้ผมมาก เนื่องจากถ้าดูอันดับบนตารางคะแนน ความจริงก็คือเราต้องการชัยชนะแต่เราทำไม่ได้”
“แน่นอนว่า ตอนแฟรงค์ย้ายออกไปก็เป็นช่วงเวลาที่หนักมาก ไม่ใช่แค่ผมแต่สโมสรก็ด้วย คุณยังอยู่กลางฤดูกาล ดังนั้นคุณต้องพยายามอย่างมากเพื่อมูฟออนเดินต่อไปให้ได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
“ผู้จัดการทีมคนใหม่เข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นคุณต้องพยายามคิดบวกและมุ่งมั่นกับเกมนัดต่อๆไป”
“เอฟเอ คัพ นัดชิงฯ มันส่งผลต่อผมอย่างมากเช่นกัน กับการได้รับประสบการณ์แพ้ในนัดชิงฯอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าเราอยู่ในสถานการณ์ที่ดีมากที่จะได้แชมป์ ผมอยากได้โทรฟี่ย์มาตลอด หลังเคยทำได้มา 2 หนสมัยเป็นแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ดังนั้นพอแพ้ มันจึงรู้สึกแย่มากๆ”
“คุณไม่ต้องการความรู้สึกนั้นอีก แต่ฟุตบอลมันมีขึ้นมีลงเสมอ และในฐานะนักฟุตบอล คุณเรียนรู้วิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้น”